ข่าวด่วน
Fri. Jun 27th, 2025

โครงการวิจัยทุนวัฒนธรรมระดับพื้นที่ อ. เขมราฐ และ อ. นาตาล จ. อบุลราชธานี (Advance Track 2566 บพท) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดงานเสวนาวิชาการและชมอารยศิลป์ ณ อาคารข้อมูลท้องถิ่น สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สร้างการรับรู้ ต่อยอดในการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน

วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 เวลา 09.30- 11.00 น. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจัดเสวนาวิขาการ หัวข้อ “ถ้ำตาลาว : มหัศจรรย์แห่งอารยสถานและภาพเขียนสีข้ามสิบสหัสวรรษของเมืองอุบลฯ” ร่วมเสวนาโดย


สมเดช ลีลามโนธรรม
ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี

กฤษณพงศ์ พูนสวัสดิ์
นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี

เชาวนี เหล็กกล้า
หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมศรี ชัยวนิชยา
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุวภัทร ศรีจองแสง
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

สถิตย์ เหล่าหมั้น
อดีตกำนันตำบลกองโพน
ปราชญ์ท้องถิ่นถ้ำตาลาว

กฤษณพงศ์ พูนสวัสดิ์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ  สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เล่าข้อมูลแหล่งโบราณคดีถ้ำตาลาว หลักฐานและความสำคัญ ที่ตั้งอยู่ที่ อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี พื้นที่แนวเขาเชื่อมต่อกับเทือกเขา ประเทศ สปป.ลาว เกิดกระบวนการทางธรณีวิทยานับล้านปีจึงเกิดสภาพภูมิประเทศ เป็นลานหิน โขดหิน ก้อนหินทราายขนาดใหญ่ เกิดเพิงหิน(ชาวบ้านเรียกถ้ำ) ต่างๆ หนึ่งในนั้นคือถ้ำตาลาว

ลักษณะที่นี่ เป็นเพิงหินทรายขนาดใหญ่ ปัจจุบัน่บริเวณนี้ได้ประดิษฐานพระพุทธรูป วัดถ้ำตาลาว

หลักฐานโบราณคดี

สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ได้สำรวจ พ.ศ. 2521 และ 2557 พบหลักฐานสำคัญคือ เครื่องมือหินกะเทาะ และภาพเขียนสี

เครื่องมือหินกะเทาะ ทำจากหินกรวดแม่น้ำ(หินควอร์ตไซต์ Quartzite) กระจายอยู่บนผิวดินเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าเป็นเครื่องมือรุ่นแรกๆ ขอมนุษย์ นับเป็นหมืนปี โดยกะเทาะหน้าเดียว กับกะเทาะสองด้าน หินจะเกิดความคมขึ้น เพื่อให้ขูด ตัด สับ ดำรงชีวิต คล้ายกับที่เวียตนาม (หมื่นปีขึ้นไป) ประการสำคัญคือ ปัจจุบันพบเครื่องมือนี้ในจังหวัดอุบลราชธานีที่ถ้ำตาลาวที่เดียว กำหนดอายุ 6000- 10,000ปี  เปรียบเทียบที่เวียตนาม

ภาพเขียนสี พบภาพเขียนสีใช้เทคนิคเดียวกันกับภาพเขียนสีผาแต้ม เป็นกลุ่มเขียนอยู่บนผนังเพิงผา สีแดงน้ำหมาก สันนิษฐานทำจากดินเทศหรือแร่ฮีมาไทต์ หรือ แร่เหล็กแดง (Hematite) ลักษณะเดียวกับเทคนิคภาพวาดบนภาชนะ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี

มีภาพฝ่ามือ ลายเส้น ลักษณะภาพฝ่ามือสันนิษฐานว่าเอามือจุ่มแล้วไปทาบบนผนังถ้ำ มีหลายมือหลายขนาด มีรูปคน แสดงว่า ชุมชนโบราณอยู่บริเวณนี้ นักโบราณคดีกำหนดอายุภาพ ประมาณ 1,500- 2,500 ปี

โดยในพื้นที่ถ้ำตาลาว เป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์น่าค้นหา แต่ยังขาดงบประมาณสนับสนุนที่เพียงพอ

เชาวนี เหล็กกล้า  หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี ได้แนะนำพิพิธภัณฑสถานจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเชื่อมโยงกับแหล่งโบราณคดีในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง ครอบคลุมพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ มุกกดาหาร ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้นอกระบบ อนุรักษ์ ศึกษาค้นคว้า จัดนิทรรศการให้ประชาชนได้ความรู้และความเพลินเพลิน การจัดแสดงเรียงตามอายุ ตามยุคสมัย ยุคหิน ยุคโลหะ

จัดแสดง เครื่องมือหินกะเทาะ เครื่องมือแรกที่มนุษย์นำมาใช้ (มาจากวัดถ้ำตาลาว) พบเมื่อปี 2527

เปิดทำการ วันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.

(ปิดวันจันทร์-วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท

สถิตย์ เหล่าหมั้น อดีตกำนันตำบลกองโพน ปราชญ์ท้องถิ่นถ้ำตาลาว เล่าความเป็นมาของหมู่บ้านและวัดถ้ำตาลาว ปี 2548 ขึ้นทะเบียนเป็นหมู่บ้าน มีการเรียกชื่อถ้ำตาลาวก่อนจึงตั้งชื่อหมู่บ้านภายหลัง

ความเป็นมาของชื่อถ้ำมีตำนานบรรพบุรุษเล่าต่อกันมา เมื่อก่อนเรียก ถ้ำช้างสี เพราะมีช้างจำนวนหนึ่งมักเอาตัวไปถูตัวที่เพิงหินบริเวณนี้ อีกตำนานเล่าว่า ชาว สปป.ลาวจะไปสร้างพระธาตุพนมมาจากแถวน้ำตกหลี่ผี ผู้คนตัวสูงใหญ่เรียก “คนแปดศอก” แล้วช่วงนั้นมีคนตายเยอะ ชาวบ้านท้องถิ่นขึ้นมาช่วยฝังศพ ส่วนหนึ่งกลับไปทางเกวียน บางส่วนเดินทางไปสร้างพระธาตุพนมต่อ

ส่วนความเห็นของนายสถิตย์อยากเห็นสภาพพื้นที่คงเดิมไว้เพื่อเป็นระบบนิเวศน์ เพราะรอบบริเวณขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชน สมุนไพร ต่อยอดคงจะยาก อยากรักษาไว้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมศรี ชัยวนิชยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ชุดข้อมูล 2 ชุด ชุดก่อนประวัติศาสตร์ พบโครงกระดูก คนแปดศอก เล่าต่อกันมาว่าเชื่อมโยงไปที่อาณาจักรล้านช้าง ชื่อตาลาว มาสร้างพระธาตุพนมเสียชีวิตที่นี่ จึงเรียกถ้ำตาลาว

อีกชุดเป็นข้อมูลจากสำนักโบราณคดี พบเครื่องมือหินกะเทาะ พบได้ที่ถ้ำเขียนสีที่นี่ที่เดียว ดังนั้นควรนำเรื่องเล่าต่อยอดจากโครงเรื่องเดิมกับโครงเรื่องใหม่มาพัฒนาต่อยอดมรดกอันล้ำค่านี้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุวภัทร ศรีจองแสง คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่านักวิชาการ มองภาพการส่งเสริมชุมชน โดยช่วยพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มีความรอบรู้ เพื่อให้แหล่งเรียนรู้ถ้ำตาลาว พัฒนาอย่างยั่งยืน ประกอบกับพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น กระเป๋าเตยหนาม โดยชาวบ้านพัฒนาจากวัชพืชในพื้นที่ ทำเสื่อ ต่อยอดมาเป็นกระเป๋าโดยภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้ดูทันสมัย

ช่วงท้ายการเสวนามีบทสรุปจากผู้ร่วมเสวนา ว่า วัดถ้ำตาลาว มีแหล่งโบราณคดีหลักฐานก่อนประวัติศาสตร์ และข้อมูล ดินโพน สมุนไพร มีเรื่องเล่าเป็นตำนานต้นทุนทางวัฒนธรรมคือรากเหง้าของคนไทย ทำอย่างไรจะจุดประกายคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ทุกภาคส่วน เห็นความสำคัญ ช่วยกันขยับพื้นที่ได้ นำเสนอข้อมูลให้เกิดการรับรู้

ถ้าเตรียมพื้นที่อย่างดีจะรู้ว่ามีคุณค่า มีเสน่ห์แนวผจญภัยเป็นลายแทงภูมิปัญญาของคนพื้นที่ ประวัติศาสตร์อีสานและ ลุ่มน้ำโขงต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม Cultural Capital วิจัยพื้นที่เขมราฐและนาตาล ม อบ – บ พ ท

Ubon Connect อุบล คอนเนก/เรียบเรียง

Related Post