อุบลฯ ติดอันดับพบผู้ป่วยสูงสุดอันดับ 4 ของประเทศ คิดเป็น 807.59 คน ต่อแสนประชากร (ข้อมูล ณ 26 ธ.ค.66) ป้องกันรักษายังไง ลดการสูญเสีย
อาการ
โรคปอดอักเสบ หนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน จะมีอาการที่เด่นชัดคือ การหายใจลำบาก รวมถึงไข้ ไอ หายใจเร็ว และอาจมีอาการหอบโดยส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
ประเภทการติดเชื้อ
ปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ ปอดอักเสบในชุมชน(CAP) การติดเชื้อจากการแพร่ระบาดในชุมชน และปอดอักเสบในโรงพยาบาล(HAP) เป็นการติดเชื้อหลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
สาเหตุและปัจจัยเสี่่ยง
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมีได้ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา การติดต่อสามารถเกิดผ่านทางละอองฝอยหรือการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยงของโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อโรคปอดอักเสบสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ในกรณีของปอดอักเสบจากการติดเชื้อ มักพบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ ยังพบได้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังนี้ คือ
– ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในแผนกผู้ป่วยหนัก (ICU)
– ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV, ผู้ป่วยโรคเอดส์, ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยมะเร็งระหว่างการให้เคมีบำบัด หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานาน
– ผู้ที่สูบบุหรี่
การรักษา
เมื่อพบว่าเป็นโรคปอดอักเสบจากไวรัส ควรรับการรักษาที่ทันที โดยให้ยาปฏิชีวนะและบำบัดรักษาหายใจ เพื่อลดอาการและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
สำหรับการรักษาทั่วไป คือ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการให้ออกซิเจนในกรณีที่หายใจลำบาก ใช้ยาขยายหลอดลม และอาจมีการทำกายภาพบำบัดทรวงอก
การป้องกัน
1. ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่จะไปทำลายกระบวนการป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจตามธรรมชาติของปอด
2. ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว เช่น หมั่นล้างมือเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่ที่มีผู้คนหนาแน่น
3. หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรืออากาศที่หนาวเย็น
4. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ
ที่มา : สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี
Ubon Connect อุบลคอนเนก/เรียบเรียง