อ่านให้ฟัง โดย สุชัย AI โดย Botnoi
KEYWORD
- แนวโน้มลานีญ่ายังมีฤทธิ์อยู่แต่ไม่มาก เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบไปถึงฤดูฝนปี 2568
- แนวทางการเตรียมรับมือต้องเริ่มที่พื้นที่
- การพยากรณ์อากาศที่มีความแม่นยำน้อย เหตุโมเดลละเอียดขึ้นแต่ข้อมูลนำเข้ายังหยาบ
- ชาวบ้านกับการเข้าถึงข้อมูลในการเตือนภัย
- ความเป็นไปได้ของการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมช่วยเตือนภัย
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (Gistda) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) ได้วิเคราะห์ถึงความต่อเนื่องของปรากฏการณ์ลานีญ่า รวมถึงวิธีการที่ชุมชนควรเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดาวเทียมในการประเมินพื้นที่ประสบภัย กับรายการ Ubonlive ดำเนินรายการโดย สุชัย เจริญมุขยนันท
ปรากฏการณ์ลานีญ่า ซึ่งมีผลให้หลายภูมิภาคของไทยเจอกับฝนและพายุในช่วงที่ผ่านมา เป็นภาวะที่ลมจากแปซิฟิกฝั่งตะวันออกมีกำลังแรงขึ้น ส่งน้ำทะเลอุ่นจากอเมริกามายังภูมิภาคเอเชีย ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลแถบเอเชียสูงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งส่งผลต่อปริมาณฝนและแนวโน้มพายุ ดร.อานนท์เปิดเผยว่าปีนี้ปรากฏการณ์ลานีญ่ามีระดับความรุนแรงปานกลาง ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกมากกว่าปกติและมีแนวโน้มพายุเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ดร.อานนท์คาดการณ์ว่าภาวะลานีญ่าจะคลายตัวในช่วงต้นปีหน้า และจะไม่ส่งผลกระทบถึงฤดูฝนปี 2568
การเตรียมพร้อมรับมือจากชุมชน
ดร.อานนท์แนะนำให้ชุมชนศึกษาแนวโน้มของสภาพภูมิอากาศในอดีต โดยใช้ข้อมูลสถิติย้อนหลังอย่างน้อย 30 ปี เพื่อเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ตนเอง พร้อมชี้ว่า การสร้างเครือข่ายข้อมูลร่วมในชุมชน โดยให้นักวิชาการและชาวบ้านแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับสภาพอากาศ จะช่วยให้การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศทำได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ควรมีการรวมตัวเพื่อหารือเป็นประจำ เพื่อทบทวนและปรับปรุงวิธีการป้องกันให้ทันสมัยมากขึ้น
ปัญหาความแม่นยำของการพยากรณ์อากาศ
ดร.อานนท์กล่าวถึงความแม่นยำของการพยากรณ์อากาศในปัจจุบันแม้จะมีโมเดลพยากรณ์ที่มีความละเอียดขึ้นว่า ยังมีข้อจำกัดอยู่ เนื่องจากการเก็บข้อมูลในระดับพื้นที่ยังขาดแคลน โดยเฉพาะสถานีวัดอากาศในท้องถิ่นที่ยังมีไม่เพียงพอ หากมีการจัดตั้งสถานีเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ ข้อมูลอากาศจะมีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้การพยากรณ์ที่ตรงกับสถานการณ์จริงและสามารถป้องกันผลกระทบได้ดีขึ้น
ชาวบ้านกับการใช้เทคโนโลยีในการเตือนภัยพิบัติ
เทคโนโลยีมีมากมายปัจจุบันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดคนตีความจากเทคโนโลยี ให้เข้าใจง่าย ๆ หากชาวบ้านสามารถเข้าถึง และเข้าใจความหมายจากการเตือนภัยที่ปรากฎในเวปต่าง ๆ ก็จะสามารถเตรียมรับมือกับภัยพิบัติเบื้องต้นในระดับพื้นที่ได้
เทคโนโลยีดาวเทียมช่วยรับมือภัยพิบัติ
ในด้านการใช้เทคโนโลยี ดาวเทียมมีบทบาทสำคัญในการช่วยประเมินพื้นที่ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว ดร.อานนท์เปิดเผยว่าข้อมูลจากดาวเทียมสามารถแสดงภาพพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งช่วยให้การประเมินความเสียหายสามารถทำได้ทันทีและส่งผลให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทำได้รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดที่ดาวเทียมไม่สามารถจับภาพได้ในทุกวัน เพราะต้องรอการวนรอบกลับมาในบางพื้นที่ แต่ดาวเทียมสามารถให้ข้อมูลที่แม่นยำและรวดเร็วกว่าระบบรายงานแบบดั้งเดิมอย่างมาก เพียงแต่ต้องไปแก้ปัญหาคอขวดจะไปอยู่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเยียวยาผู้ประสบภัย
ดร.อานนท์กล่าวสรุปว่า การรับมือกับภัยพิบัตินั้น ชุมชนควรมีบทบาทในการศึกษาสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ตนเอง ตลอดจนการบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายนักวิชาการเพื่อให้สามารถจัดการกับปัญหาภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ