ข่าวด่วน
Sat. Jun 28th, 2025
PM2.5

อ่านให้ฟัง จาก สุชัย Ai โดย Botnoi

อุบลราชธานีรุกแก้ปัญหา PM2.5 ด้วยความรู้และความร่วมมือ เมืองหน้าด่านอาเซียนรวมพลังตั้งรับฝุ่นละอองขนาดจิ๋วในอนาคต

Key Message

การสร้างความตระหนักรู้ : เน้นย้ำความสำคัญของการให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ PM2.5 เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน  

ความร่วมมือข้ามพรมแดน : อุบลราชธานีในฐานะเมืองหน้าด่านอาเซียนต้องพัฒนายุทธศาสตร์ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหามลพิษข้ามแดน  

การใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ : เสนอแนวทางลดการเผาโดยสร้างแรงจูงใจเช่นการเก็บฟางเพื่อจำหน่ายแทนการเผาและการใช้มาตรการภาษีที่ดินเพื่อส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน  

การพัฒนากฎหมาย : ร่าง...บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตร  

สภาลมหายใจ : การจัดตั้งสภาลมหายใจในอุบลราชธานีเพื่อเป็นกลไกประสานงานระหว่างภาครัฐประชาชนและภาคเอกชน  

การเริ่มต้นจากตัวเอง : กระตุ้นให้ทุกคนเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเช่นลดการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำและสนับสนุนร้านค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม  

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าจังหวัดอุบลราชธานีร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรได้จัดโครงการอุบลราชธานีเมืองหน้าด่านอาเซียนของประเทศไทยจะตั้งรับปัญหาฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว (PM2.5) ในอนาคตอย่างไร?” ห้องประชุมบุษยรัตน์ชั้น 2 อาคาร 20 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีโดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมเสวนาดำเนินรายการโดยอาจารย์นพภาพันธุ์เพ็งประธานมูลนิธิสื่อสร้างสุขถ้ายทอดสดทางเพจ UbonConnect (แม่ข่าย) , อยู่ดีมีแฮง , วารินชำราบบ้านเฮา , VR CableTV , สำนักงานประชาสัมพันธ์จ.อุบลฯและเครือข่าย

ร้อยตรีสรมงคลมงคละสิริรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี  

ซึ่งเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานีเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างจิตสำนึกพลเมืองและการตื่นรู้ของประชาชนชี้การเห็นประชาชนตื่นตัวและเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นความหวังในการแก้ไขปัญหา PM2.5 และยืนยันว่าทางจังหวัดพร้อมสนับสนุนทุกแนวทางที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน  

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ – ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและลูกหลานชาวอุบลราชธานีนำเสนอประสบการณ์จากการจัดตั้งสภาลมหายใจในหลายจังหวัดเช่นเชียงใหม่ลำปางและกาญจนบุรีเสนอว่าอุบลราชธานีสามารถเริ่มต้นสภาลมหายใจได้โดยอาศัยอาสาสมัครที่เรียนรู้การอ่านข้อมูลดาวเทียมและข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกรมควบคุมมลพิษและกรมอุตุนิยมวิทยานอกจากนี้ยังเสนอให้ใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เช่นการส่งเสริมให้เกษตรกรเก็บฟางเพื่อจำหน่ายแทนการเผาและการปรับแก้กฎหมายภาษีที่ดินเพื่อลดการเผาในภาคเกษตร  

อดีตรัฐมนตรีฯ ยังได้อธิบายถึงการเปลี่ยนทิศทางลม 3 ครั้งในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของฝุ่น PM2.5 ว่า

การเปลี่ยนทิศทางลมครั้งที่ 1 (ช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม):

  • ช่วงเวลา: เป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มต้อนรับลมหนาว
  • ทิศทางลม: ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
  • ผลกระทบต่อฝุ่น:
    • ลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะพาฝุ่นที่มีอยู่แล้วในประเทศลาว (สปป.ลาว) เข้ามายังประเทศไทย
    • ฝุ่นจากลาวจะผ่านเข้ามายังภาคอีสานของไทย ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานีเป็น “ต้นทาง” ในการรับฝุ่น
    • จากนั้น ลมจะพาฝุ่นเคลื่อนต่อไปยังภาคกลางของประเทศไทย
  • สรุป: ในช่วงนี้ ภาคอีสาน (โดยเฉพาะอุบลราชธานี) เป็นจุดเริ่มต้นของการรับฝุ่นจากลาว และฝุ่นจะเคลื่อนไปยังภาคกลาง

การเปลี่ยนทิศทางลมครั้งที่ 2 (ช่วงเดือนกุมภาพันธ์):

  • ช่วงเวลา: ประมาณเดือนกุมภาพันธ์
  • ทิศทางลม: ลมเปลี่ยนทิศ โดยพัดจากอ่าวไทยขึ้นไปทางทิศเหนือ
  • ผลกระทบต่อฝุ่น:
    • ลมจากอ่าวไทยจะพัดขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งอาจหมายถึงการพัดฝุ่นจากภาคใต้หรือภาคกลางขึ้นไปยังภาคเหนือ หรืออาจลดการสะสมของฝุ่นในบางพื้นที่ของภาคอีสาน เนื่องจากทิศทางลมเปลี่ยน
  • สรุป: ในช่วงนี้ ลมจากอ่าวไทยอาจส่งผลให้ฝุ่นเคลื่อนจากภาคใต้หรือภาคกลางขึ้นไปทางเหนือมากขึ้น

การเปลี่ยนทิศทางลมครั้งที่ 3 (ช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน/พฤษภาคม):

  • ช่วงเวลา: เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม
  • ทิศทางลม: ลมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดีย
  • ผลกระทบต่อฝุ่น:
    • ลมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดียจะพัดเข้ามายังประเทศไทย ทำให้ภาคอีสานเริ่ม “รับฝุ่นกลับมา”
    • ซึ่งอาจหมายถึงฝุ่นที่เคยถูกพัดไปยังภาคกลางหรือภาคเหนือในช่วงก่อนหน้านี้ อาจถูกพัดกลับมาสะสมในภาคอีสานอีกครั้ง หรืออาจรวมถึงฝุ่นจากแหล่งกำเนิดอื่น ๆ ที่ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามา
  • สรุป: ในช่วงนี้ ภาคอีสาน (รวมถึงอุบลราชธานี) จะกลับมาเผชิญกับฝุ่น PM2.5 ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากทิศทางลมตะวันตกเฉียงใต้พัดฝุ่นกลับเข้ามา

นายประเดิม ภาคแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 12 เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหายกตัวอย่างปัญหาการขาดมาตรฐานการวัดฝุ่น PM2.5 ที่ปลายปล่องของโรงงานอุตสาหกรรมและเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรฐานดังกล่าวนอกจากนี้ยังยกตัวอย่างความสำเร็จของการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกเพื่อแสดงให้เห็นว่าการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้  

นางทิพย์พาพร ตันติสุนทร  ที่ปรึกษาและกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯอธิบายถึงความคืบหน้าของร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษจากทุกภาคส่วนเช่นภาคป่าไม้อุตสาหกรรมคมนาคมและเกษตร  กฎหมายนี้ไม่ได้มุ่งลงโทษเกษตรกรรายย่อยแต่จะควบคุมการเผาในเกษตรอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบรุนแรงพร้อมทั้งเสนอให้มีกองทุนอากาศสะอาดเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเช่นการแปรรูปฟางหรือใบไม้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า 

นายเลิศศักดิ์ มณีเติมกำนันตำบลกลางใหญ่อำเภอเขื่องในจังหวัดอุบลราชธานีนายเลิศศักดิ์นำเสนอมุมมองจากระดับชุมชนโดยระบุว่าการห้ามเผาโดยใช้เพียงอำนาจรัฐอาจไม่ยั่งยืนเพราะเกษตรกรจำนวนมากขาดทางเลือกและเผชิญต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเสนอให้มีการพัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรเช่นรถตัดอ้อยเพื่อลดการเผาพร้อมยกตัวอย่างความสำเร็จของป่าชุมชนที่ไม่ถูกเผาเพราะชุมชนมีส่วนร่วมในการปกป้องและเรียกร้องให้รัฐสนับสนุนเกษตรกรอย่างจริงจัง  

การแก้ไขปัญหา PM2.5 ในอุบลราชธานีต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยมีแนวทางปฏิบัติที่สำคัญดังนี้:  

1. สร้างความรู้และความเข้าใจ : ทุกคนต้องตระหนักถึงผลกระทบของ PM2.5 และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากตัวเองเช่นลดการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำและสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  

2. พัฒนายุทธศาสตร์ข้ามพรมแดน : อุบลราชธานีในฐานะเมืองหน้าด่านอาเซียนควรพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดน  

3. ใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ : ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้จากการเก็บฟางหรือใบไม้เพื่อจำหน่ายแทนการเผาและปรับแก้กฎหมายภาษีที่ดินเพื่อสนับสนุนการเกษตรที่ยั่งยืน  

4. พัฒนากฎหมายและมาตรฐาน : ผลักดันร่าง...บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดให้มีผลบังคับใช้รวมถึงกำหนดมาตรฐานการวัดฝุ่น PM2.5 ที่ปลายปล่องของโรงงานอุตสาหกรรม  

5. จัดตั้งสภาลมหายใจ : สร้างกลไกประสานงานในระดับท้องถิ่นเช่นสภาลมหายใจอุบลราชธานีเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา  

6. ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม : ใช้ข้อมูลจากงานวิจัยและวิทยานิพนธ์เพื่อพัฒนาแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของอุบลราชธานีและทดลองในรูปแบบโครงการนำร่อง  

การแก้ไขปัญหา PM2.5 ไม่ใช่เรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกันเพื่อให้อุบลราชธานีเป็นเมืองที่น่าอยู่และเป็นแบบอย่างของการจัดการมลพิษในระดับอาเซียน

ข่าว NBT

สับประเด็น สำหรับผู้ไม่มีเวลาฟังทั้งหมด เลือกเฉพาะที่สนใจ

การจัดการฝุ่นต้องดูวิถีชาวบ้านด้วย มองแค่ hotspot การเผาทางการเกษตร การใช้อำนาจรัฐอย่างเดียวไม่ได้ผล (ผู้ว่าฯเปิดงาน) 

ป่าที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการรักษาเขาไม่มีทางเผา นี่แหละหัวใจของการแก้ปัญหา (ผู้ว่าฯเปิดงาน) 

ทำไมฝุ่น PM2.5 ในอุบลฯถึงสูง อะไรเป็นสาเหตุหลัก จะดูฝุ่นได้ที่ไหน เดือนไหนฝุ่นอุบลฯเยอะ 

ชาวบ้านทำไมต้องเผา? กำนันทำอะไรอยู่? 

ข้อมูลวิทยาศาสตร์จะบอกชัดเจนว่าอะไรเกิดขึ้น ทิศทางลมจากไหนไปไหนมีผลต่อฝุ่นพื้นที่ไหนบ้าง ใครเป็นต้นทาง ใครเป็นปลายทาง 

พืช 5 ชนิดที่เกี่ยวกับการเผา บางชนิดนักการเมืองไม่กล้าพูดถึง 

การเผาอ้อยหลบดาวเทียม 

ประชาชนจะสามารถร่วมกับภาครัฐในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างไร สูตร 8 3 1 

ความสำคัญของจ.อุบลฯในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 01:33:24 พรบ.อากาศสะอาดฯ 

PM2.5 คืออะไร ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจึงจะแก้ปัญหา PM2.5 ได้ 

การวิจัยภาครัฐล้าหลัง ไม่รู้จริง การแก้ปัญหาต้องคิดถึงวิถีชาวบ้าน (ความเห็นประชาชน) 

เกรง พรบ.อากาศสะอาดฯ จะแท้ง (ความเห็นประชาชน) 

ต้องรู้วิถีชาวบ้าน สร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน จึงจะแก้ปัญหาได้ (ความเห็นประชาชน) 

ประชาชนมีส่วนร่วม ช่วยผลักดันการแก้ปัญหาได้ อุบลฯจะเริ่มต้นในการแก้ปัญหาอย่างไร (ความเห็นประชาชน) 

สภาลมหายใจอุบลฯ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร 

เชียร์ชาวนาที่ทำอินทรีย์ ไม่เผาป่า ป่าก็อุดมสมบูรณ์ (ความเห็นประชาชน)

Related Post