ข่าวด่วน
Mon. Jun 30th, 2025
corruption

อ่านให้ฟัง จากสุชัย Ai โดย Botnoi



ชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี จัดอบรมตามโครงการ สร้างเสริมความเข้มแข็งเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนจับตามองและสอดส่องแจ้งเบาะแส ปีที่ 2 ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุน ปปช. (รุ่นที่ 1) กิจกรรมที่ 2 อบรมเชิงปฏิบัติการ ชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี
โดยมีว่าที่ร้อยตรีกรกฏ ประเสริฐวงศ์ รองผวจ.อุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีเปิด และมีนายประชา สิทธิโชค ประธานชมรมสตรอง กล่าวรายงาน ถึงวัตถุประสงค์ โดยจัดอบรมระหว่างวันที่ 4-5 เมษายน 2568 ณ โรงแรมบ้านสวนคุณตาแอนด์รีสอร์ต อ.วารินชำราบ จ .อุบลราชธานีซึ่งมีสมาชิก ประกอบด้วย เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน และเครือข่าย(อพม) อาสาสมัครพัฒนาสังคม จาก 5 อำเภอ คือ อำเภอเขมราฐ อำเภอโขงเจียม อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอกุดข้าวปุ้น และอำเภอศรีเมืองใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการชมรม Strong- จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรบรรยายให้ความรู้ จาก สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับวัตถุประสงค์ในการอบรมครั้งนี้
1. เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายองค์กร และผลักดันโมเดล STRONG – สู่เครือข่ายองค์กร ชมรม ชุมชน ภาคประชาชน
2. เพื่อส่งเสริมให้เครือข่ายองค์กร ชมรม ชุมชน และ ประชาชนในพื้นที่มีความตระหนักและมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาและภัยจาก การทุจริต ให้เกิดการต่อต้านการทุจริตและ ประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง
3. เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการป้องกันการ ทุจริตการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและการจับ ตามองสอดส่องแจ้งเบาะแสเป็นกลไกการเชื่อมโยง กิจกรรมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกับการ ปฏิบัติงานตามภารกิจของสำนักงาน ป.ป.ช. ด้วย การนำผลการสำรวจและจับตามองของภาค ประชาชนมาผ่านกระบวนการวิเคราะห์เพื่อนำสู่ การแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางของสำนักงาน ป.ป.ช. หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
เป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ ในปี พ.ศ.2567 ชมรม Strong-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี ได้ขอรับงบประมาณสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการสร้างเสริมความเข้มแข็งเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน จับตามองและสอดส่องแจ้งเบาะแส โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือเครือข่าย อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์หรือ (อพม.) จำนวน 10 อำเภอจำนวน 200 คน จากการฝึกอบรมกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจมากกว่าร้อยละ 87.29% นอกจากนี้แล้วการลงพื้นที่ติดตามประเมินผลเครือข่าย อพม.ระดับ อำเภอ ที่เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อการเฝ้าระวังความเสี่ยงใน พื้นที่ และมีส่วนร่วมแจ้งข้อมูลเบาะแสความเสี่ยงต่อการทุจริตไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุน การดำเนินการของภาครัฐในการยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยมุ่งจับตามองการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการดำเนินงานของภาครัฐที่ใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า ไม่เกิดประโยชน์ส่วนรวมต่อคนใน พื้นที่อย่างแท้จริง (คิด ทำ ทิ้ง) โดย สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับนำไปขับเคลื่อนกิจกรรมระดับพื้นที่ของ ตนเองทำให้เกิดประโยชน์ต่อโครงการต่างๆ ของหน่วยงานรัฐที่มีความเสี่ยง สามารถระงับหรือยับยัง โครงการที่เกิดขึ้นและได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้เกิดความคุ้มค่ากับงบประมาณ
ทั้งนี้ ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต่อประชาชนและวางกลไก ป้องกัน ตรวจสอบและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามมาตรา 63 โดยรัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน และ ให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริต และประพฤติมิชอบ และจัดให้มีมาตรการและกลไก ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั้งกลไกใน การส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกัน เพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ต่อต้านหรือชี้เบาะแส ด้านแผน แม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้กำหนดแผนย่อยด้านการ ป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ มุ่งการพัฒนาและปรับพฤติกรรม “คน” ทุกกลุ่มในสังคม โดยเน้นการ ปลูกฝังและหล่อหลอมให้มีจิตสำนึก และพฤติกรรมยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งการสร้างวัฒนธรรม ต้านทุจริต รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกจากประโยชน์ส่วนรวม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการมีส่วนร่วม เป็นเครือข่ายแจ้งเบาะแส การทุจริตในทุกภาคส่วนของสังคมซึ่งสอดคล้องกับการจัดทำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน


นับเป็นโครงการสำคัญที่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและแจ้งข่าวสารเพื่อป้องกันการทุจริตต่อไป
…..
ปัญญา แพงเหล่า/รายงาน
5 เมษายน 2568

Related Post