คุยให้ฟัง PODCAST โดย NOTEBOOK LM
ประเด็นสำคัญ
- วังวนการเมืองและสื่อ : การปฏิรูปสื่อยังติดอยู่ในวงจรของการควบคุมโดยอำนาจรัฐและทุนนิยมสะท้อนผ่านการยึดสื่อในเหตุการณ์รัฐประหารและการผูกขาดโครงข่ายในยุค OTT
- ความสำคัญของฟรีทีวี : ฟรีทีวียังคงจำเป็นในฐานะแพลตฟอร์มที่ประชาชนเข้าถึงได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการรับข้อมูล
- การกำกับดูแล OTT : การขาดกฎระเบียบที่ชัดเจนในการกำกับแพลตฟอร์ม OTT ทำให้เกิดความท้าทายในการคุ้มครองผู้บริโภคและรักษาคุณภาพเนื้อหา
- จริยธรรมสื่อและการรีบอร์น : การสร้างจริยธรรมสื่อที่แข็งแกร่งและการระดมทุนจากภาคประชาชนเป็นทางออกเพื่อให้สื่อเป็นอิสระจากอิทธิพลของรัฐและทุน
- บทบาทกสทช. : องค์กรอิสระอย่างกสทช. ถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพและความเป็นอิสระในการกำกับดูแลสื่อและโทรคมนาคม
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 รายการ Cofact Live Talk จัดเสวนาในหัวข้อ “33 ปีพฤษภา 35 จากฟรีทีวีถึง OTT การปฏิรูปสื่อก้าวหน้าหรือถอยหลัง” ถ่ายทอดสดผ่านเพจ Cofact, สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติและ Ubon Connect โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิได้แก่คุณสมชัยสุวรรณบรรณอดีตบรรณาธิการข่าวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วิทยุ BBC ลอนดอนและอดีตผู้อำนวยการ Thai PBS, ผศ.ดร.เอื้อจิตวิโรตน์ไตรรัตน์ที่ปรึกษา Cofact (ประเทศไทย) และอดีตรองประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.), คุณระวีตะวันธรงค์กรรมการจริยธรรมสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ, และคุณสุภิญญากลางณรงค์ผู้ร่วมก่อตั้ง Cofact (ประเทศไทย) ดำเนินรายการโดยผศ.ดร.เจษฎาศาลาทองจากคณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อย้อนรำลึกเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 และทบทวนพัฒนาการของการปฏิรูปสื่อในประเทศไทยจากยุคฟรีทีวีสู่ยุค OTT (Over-The-Top) พร้อมตั้งคำถามว่าการปฏิรูปสื่อไทยก้าวหน้าหรือถอยหลังกันแน่
คุณสมชัย สุวรรณบรรณ เล่าถึงประสบการณ์ในช่วงพฤษภาประชาธรรม 2535 ขณะทำงานที่ BBC ลอนดอนซึ่งต้องกลับมาช่วยรายงานข่าวท่ามกลางการปิดกั้นสื่อในไทยทำให้ BBC กลายเป็นแหล่งข่าวที่ประชาชนไว้วางใจส่งผลให้เกิดการขยายฐานผู้ฟังและถ่ายทอดผ่านสถานีวิทยุในไทยเขาชี้ว่ารัฐธรรมนูญ 2540 นำมาซึ่งการก่อตั้งกสทช. และ Thai PBS
แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปสื่อมีทั้งความก้าวหน้าและถอยหลังปัจจุบันสื่อดิจิทัลมักเน้นผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าหลักวารสารศาสตร์ส่งผลให้สังคมเสื่อมถอยการผูกขาดโทรคมนาคมทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าถึงข้อมูลกลายเป็น “ทาสเทเลคอม” เขายกตัวอย่างอังกฤษที่ออกกฎหมายควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์จากกรณีเนื้อหาจูงใจให้ฆ่าตัวตายพร้อมเสนอให้ควบคุมแพลตฟอร์ม OTT เพื่อป้องกันความเสียหายต่อสังคมสนับสนุนสื่อสาธารณะอย่าง Thai PBS และ Cofact ในการตรวจสอบเนื้อหาและป้องกันการถอยกลับสู่อำนาจนิยมโดยเฉพาะเมื่อเห็นกระแสฟาสซิสต์ฟื้นตัวในบางประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา
ดร.เอื้อจิต วิโรตน์ไตรรัตน์ ระบุว่าเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม 2535 เผยให้เห็นการปิดกั้นสื่อโดยรัฐส่งผลให้เกิดการเรียกร้องปฏิรูปสื่อและนำไปสู่รัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ ITV และแนวคิดปฏิรูปสื่ออย่างไรก็ตามการเมืองและสื่อยังวนเวียนอยู่ในวงจรของการควบคุมโดยรัฐและทหารการยึดคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ในช่วงรัฐประหารเป็นตัวอย่างชัดเจนเธอเน้นว่าฟรีทีวียังคงจำเป็นเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ต้องจ่ายค่าเน็ตลดความเหลื่อมล้ำและต้องมีเนื้อหาที่มีสุนทรียะปัญหาคือกสทช. ถูกตั้งคำถามว่าไม่อิสระอย่างแท้จริงและขาดประสิทธิภาพการถือครองคลื่นยังคงอยู่กับภาครัฐโดยเฉพาะวิทยุที่รัฐครอง 100% ผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัลเผชิญความไม่แน่นอนเมื่อใบอนุญาตจะสิ้นสุดในปี 2572 เธอเสนอให้กสทช. ทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ประกาศแผนแม่บทฉบับที่ 3 ให้ชัดเจนสนับสนุนให้ประชาชนและผู้รับใบอนุญาตมีส่วนร่วมกำหนดอนาคตสื่อและรักษาสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนผ่านฟรีทีวี
ระวี ตะวันธรงค์ เล่าถึงช่วงพฤษภาประชาธรรม 2535 ที่ยังเป็นนักศึกษาและไม่มีส่วนร่วมโดยตรงแต่คุณพ่อ (คุณฉัตรชัยตะวันธรงค์) ถูกทำร้ายในเหตุการณ์ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์สะท้อนการปิดกั้นสื่อในปี 2553 เขามีส่วนร่วมก่อตั้ง Spring News และพัฒนาการรายงานสดผ่าน 3G ซึ่งเป็นนวัตกรรมในยุคนั้นเขามองโครงสร้างสื่อใน 3 ชั้น: นักข่าวที่มีอุดมคติ, องค์กรเอกชนที่จ้างนักข่าว, และรัฐกับการเมืองที่ควบคุมผ่านระบบทุนนิยม
ปัจจุบันสื่อเอกชนเช่น Workpoint, RS, ช่อง 3, ช่อง 7 ขาดทุนหนักต้องหันไปผลิตรายการบันเทิงเพื่อเอาตัวรอดเขาเชื่อว่าสื่อต้อง “รีบอร์น” โดยใช้จริยธรรมที่แข็งแกร่งเป็นรากฐานคนรุ่นใหม่ (Gen Alpha, Gen Z) มีความรู้เท่าทันสื่อสูงและเลือกกรองเนื้อหาเขาเสนอให้สร้างกองทุนระดมทุนจากประชาชน (Crowdfunding) เพื่อสนับสนุนสื่ออิสระที่เน้นข้อมูลเชิงลึกโดยปราศจากการครอบงำจากรัฐหรือทุน
คุณสุภิญญา กลางณรงค์ เล่าว่าในฐานะนิสิตในปี 2535 เธอสัมผัสบรรยากาศตึงเครียดและการเคลื่อนไหวของนักศึกษาและอาจารย์เช่นอาจารย์อุบลรัตน์ศิริยุทธเสนาที่ผลักดันการปฏิรูปสื่อและการเมืองสิทธิเสรีภาพดีขึ้นเมื่อเทียบกับยุคก่อน 2535 และเทคโนโลยีสื่อก้าวกระโดดตั้งแต่ 3G และสมาร์ทโฟนแต่ในเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรมการกำกับดูแลยังถอยหลังขาดความรู้เท่าทันสื่อทำให้ประชาชนถูกหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์มากที่สุดในภูมิภาคการผูกขาดโทรคมนาคมโดย 2 รายใหญ่ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าเน็ตแพงเธอเน้นว่าฟรีทีวีจำเป็นต้องคงอยู่เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีกำลังจ่ายค่าเน็ตเธอเสนอให้รักษาแพลตฟอร์มฟรีทีวีผลักดันการกำกับดูแล OTT ที่เป็นธรรมสร้างกองทุนสื่ออิสระที่บริหารโดยภาคประชาสังคมและรวมพลังภาคเอกชนประชาชนและสื่อสาธารณะเพื่อต่อรองกับกสทช. และกำหนดอนาคตสื่อ
การเสวนาครั้งนี้สะท้อนว่าการปฏิรูปสื่อตั้งแต่พฤษภาประชาธรรม 2535 มีความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและเสรีภาพแต่ยังติดอยู่ในวังวนของการควบคุมโดยอำนาจรัฐและทุนการปฏิรูปสื่อควรเน้นการรักษาฟรีทีวีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำกำกับดูแล OTT อย่างเป็นธรรมสร้างจริยธรรมสื่อที่แข็งแกร่งสนับสนุนกองทุนสื่ออิสระจากประชาชนและผลักดันให้กสทช. ทำหน้าที่อย่างโปร่งใสรวมถึงสร้างเวทีหารือระหว่างทุกภาคส่วนเพื่อกำหนดทิศทางสื่อไทยให้เป็นเครื่องมือส่งเสริมประชาธิปไตยและความรู้อย่างแท้จริง