ข่าวด่วน
Fri. Aug 8th, 2025

ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ย้ายจากผู้ว่าฯอำนาจเจริญ มาอุบลฯ ราวเดือน พฤศจิกายน 2567

ช่วงนั้นก็มีข่าวสะพัด SAVE ผู้ว่าฯศุภศิษย์ โดยนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าฯท่านเดิม ขออยู่จนเกษียณที่อุบลฯอีกไม่กี่เดือน แต่ทางการเมืองไม่ยอม ย้ายท่านไปเป็นผู้ตรวจราชการ และภายหลังลาออกในที่สุด

ในช่วงแรก ๆ ที่ผู้ว่าฯอดิศักดิ์มาอุบลฯ ผมสอบถามคนทำงานหลายแห่ง ต่างชื่นชม ที่ท่านลงไปคลุกกับคนทำงานระดับล่าง ขาดเหลืออะไรในการทำงาน ซื้อให้ ควักเงินตัวเองให้  ในที่ประชุมก็ให้ความสำคัญกับคนทำงานระดับล่าง ลงพื้นที่จริง หยิบยกเอาข้อมูลแม้จาก รปภ.มากล่าวอ้าง 

ที่เจอกับตัวเองคือ มีเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน เมื่อแจ้งท่าน ท่านจะใส่ใจ แก้ปัญหาแม้เล็กน้อย หากอยู่ในขอบเขตหน้าที่ที่ทำได้ จะทำให้ทุกราย โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันน้ำท่วม ทำงานรวดเร็วจนผมตั้งฉายาให้ว่า ผู้ว่าฯสายฟ้าแลบ ชาวบ้านร้องปุ๊ป ลงพื้นที่ปั๊ป หากแก้ปัญหาให้ได้ ก็รีบทำในทันที อย่างไม่เคยเห็นผู้ว่าฯคนไหนทำแบบนี้มาก่อน วันก่อนยังมีตัวแทนชุมชน ชื่อคุณเก่ง เขียนลงในโอเพนแชท เตือนภัยพิบัติว่า “…ยังไงก็ขอบคุณท่านผู้ว่าฯท่านนี้ด้วยนะครับ จุดน้ำท่วมที่ท่ากอไผ่ ท่านได้วางจุดสูบน้ำลงมูล ตามที่ผมให้ข้อมูลเป๊ะ ๆ ท่านจะอยู่ในใจผมตลอดไปครับ”

จนมางานแห่เทียน68 เริ่มมีเสียงบ่นจากคนทำงานจำนวนมาก ว่าท่านบริหารไปในแนวเผด็จการ เชื่อมั่นในตัวเองสูง ความคิดตัวเองเท่านั้นที่ถูกต้อง ใครไม่เห็นด้วยก็จะถูกต่อว่า ด้อยค่า จนแทบจะไม่มีใครกล้าเสนอความคิดอะไร  

การบริหารงานแห่เทียน กรอบคิดท่านอยากให้เป็นงานศักดิ์สิทธิ์ คล้ายงานพยุหยาตราฯ ทั้งพิธีกร ขบวนแห่ ถูกควบคุมให้อยู่ในระเบียบแบบแผน

ในขณะที่พื้นที่ทำแบบงานบุญ มีสนุกสนาน ผสานไปกับงานทางการมาเป็นเวลายาวนาน เกิดความขัดแย้งทางความคิดขึ้น  สร้างความอึดอัดให้คนทำงานเป็นอย่างมาก งานแห่เทียนกลางคืน ผู้ว่าฯอดิศักดิ์ประกาศว่าจะไม่มา คือปล่อยให้สนุกสนานกันเต็มที่ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่กลางวันขอคุมให้เป็นงานทางการเต็มที่เช่นกัน

ส่วนประเด็นดราม่า มาเปิดงานแห่เทียนกลางคืนช้า ทราบมาว่า ผู้ว่าฯต้องพบอาคันตุกะหลายประเทศ ที่สุนีย์แกรนด์ แล้วมาช้า ทำให้การเข้าพบล่าช้าไปเป็นชั่วโมง อาคันตุกะจึงมางานแห่เทียนช้าตามไปด้วย

แต่ทางผู้ว่าฯชี้แจงว่างานกลางคืนประกาศแล้วว่าจะไม่ไป เป็นเรื่องของทางออแกไนซ์จะจัดการ 

ทางจังหวัดบอกว่างานกลางคืนไม่ต้องมีพิธีเปิด ไม่ต้องรอใคร ที่ลือกันว่า รอผู้ว่าฯ รออาคันตุกะ จึงไม่ตรงตามข้อเท็จจริง สืบไปสืบมา ทราบว่า ทางออแกไนซ์จะเริ่มงานตรงเวลา แต่ปลัดจังหวัดสั่งให้รอผู้ว่าฯก่อน เป็นเหตุให้งานล่าช้า กว่ารองผู้ว่าฯจะมางานพร้อมอาคันตุกะจึงช้ากว่ากำหนดการเดิมถึง 2-3 ชั่วโมง ประชาชนที่รอเป็นเวลานานจึงมีเสียงโห่ดัง ที่ปรากฎเป็นไวรัลบนโซเชี่ยล

อย่างไรก็ตามหากสรุปจริง ๆ ผู้ว่าฯคงหนีไม่พ้นความรับผิดชอบต่องานนี้ หากมีการสื่อสารที่ชัดเจน ว่ามาไม่มา มอบ รองฯไม่มอบรองฯ ไม่ต้องรออาคันตุกะ เริ่มได้เลย ก็คงไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผมคิดว่าความขัดแย้งทางกรอบคิดติดยึดของท่านเอง กับคนทำงาน ส่งผลต่องานโดยเฉพาะการสื่อสารอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น

มาถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-เขมร กรณีแรกที่ผมได้ยินมา คือท่านสั่งให้ชาวบ้านอพยพมาที่ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน ทั้งที่ชาวบ้านรู้เส้นทาง อพยพมายาวนาน ว่าจะเป็นเส้นทางไหน อย่างไร และไปสิ้นสุดที่เดชอุดม แต่ในที่สุด ก็ไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะโดมประดิษฐ์คือตำบลกระสุนตก  หากไปอยู่ที่นั่นอันตราย และอาจต้องย้ายกันหลายรอบ

กรณีต่อไปคือการตั้งศูนย์อพยพ ให้ที่ว่าการอำเภอเดชอุดมเป็นศูนย์กลาง  ให้อำเภอต่าง ๆ เป็นผู้รับผิดชอบ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลแต่ละศูนย์ ท่านมีกรอบคิดว่า ต้องรวมศูนย์การจัดการโดยคนมหาดไทย  และต้องทำ ตามกรอบกฎหมาย ซึ่งบางอย่างก็หยุมหยิมมาก

ใครโพสต์โซเชี่ยล ขอความช่วยเหลือ รับบริจาคจากศูนย์ไหน ถือเป็นความบกพร่องของผู้รับผิดชอบของศูนย์นั้น หลวงให้ทุกอย่างมาพร้อม ไม่ต้องไปรบกวนการบริจาคจากประชาชน ใครโพสต์จะถูกต่อว่า และไปตำหนินายอำเภอผู้รับผิดชอบอย่างรุนแรง 

หลายฝ่ายพูดตรงกันว่า ในที่ประชุมท่านจะด้อยค่าคนทำงาน เช่น “เป็นซี 8 ทำงานได้แค่นี้หรือ” เนื่องจากท่านมีปริญญา 6 ใบ คงคิดว่าตนเองผูกขาดความรู้แต่เพียงผู้เดียว บางหน่วยงานเสนอแนะการทำงาน ถูกด่ากลับว่ามาสอนงานทำไม คุณเป็นใคร และมีความคิดว่า แต่ละหน่วยงานตั้งใจมาทุจริตงบประมาณท่านรู้ดี จึงสกัดไว้ก่อน

ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างหวาดกลัว ไม่กล้าเสนอแนะ ไม่กล้าสร้างสรรค์งานใดใด หน่วยงานอื่นที่เสนอตัวมาช่วย เพราะมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการท่ามกลางวิกฤติมากกว่า กลับถูกห้าม ให้ทำแต่หน้าที่ของตัวเองก็พอ

กรอบคิดในการบริหารของท่านอาจจะดี หากทุกอำเภอ ทุกอปท. ทำงานอย่างขยันขันแข็ง มีทักษะในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่เป็นเช่นนั้น บางแห่งก็จัดการได้ดี แต่บางแห่งก็บริหารจัดการไม่เป็น สร้างความเดือดร้อนซ้ำเติมชาวบ้านไปอีก

ที่เจอกับตัวเองคือ จากการร้องของเครือข่ายฯ แจ้งมาว่าชาวบ้านตามบังเกอร์ มีปัญหาขาดแคลนยาทากันยุง เนื่องจากช่วงนั้นฝนตก ยุงเยอะมาก 

ผมก็ทำตามกรอบคิดผู้ว่าฯ สอบถามไปที่ผู้รับผิดชอบศูนย์นั้น คือรองปลัดอำเภอหนึ่ง ท่านก็บอกว่า มียาทากันยุงอยู่เพียงพอ จะเร่งส่งลงไปให้พื้นที่ และยังเน้นปฏิเสธว่า ตนไม่ได้เป็นคนโพสต์ขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด 

แต่หลังจากนั้นให้เครือข่ายฯสอบถามชาวบ้านได้ความว่า ไม่มีการส่งยาทากันยุงมาให้เลย แสดงว่าโกหกไปก่อน เพื่อไม่ให้โดนด่า แต่ไม่ใส่ใจในความเดือดร้อนชาวบ้านอย่างแท้จริง ผมต้องสอบถามไปที่เครือข่ายต่างจังหวัดที่ยาทากันยุงไม่ขาดแคลนเหมือนเราส่งมาให้ ก็ต้องขอบคุณทาง COFACT และพี่น้องทางภาคใต้ผ่านมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา ที่บริจาคยาทากันยุง ฯลฯ ส่งถึงมือชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว นี่คือตัวอย่าง และมีกรณีการขอเบิกของบริจาคที่ศูนย์กลางไม่ได้ ฯลฯ ในการบริหารของบางศูนย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ

แต่ข้อดีของท่านที่เห็นคือ ลงพื้นที่จริง ไม่กลับจวนฯ ไปนอนที่ อ.น้ำยืน ให้กำลังใจ ชรบ. ร่วมลาดตระเวนตลอด เยี่ยมเยียนให้กำลังใจชาวบ้านไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ส่วนเรื่องงบประมาณ คาดว่าท่านกลัวติดคุกจริง จึงระมัดระวังจนไม่ได้เอาชาวบ้านเป็นตัวตั้งเหมือนจังหวัดอื่น ๆ กรอบคิดของท่านมองไปว่าจังหวัดอื่น ๆ ต่อไปจะถูกตรวจสอบ และถูกร้องทุจริต ตนเองจะรอด

แน่นอนว่าผมอาจไม่ทราบข้อมูลทุกอย่าง แต่ได้รวบรวมในฐานะสื่อสาธารณะท้องถิ่น ที่ติดต่อเชื่อมโยงหลายหน่วยงาน บางเหตุการณ์ได้ประสบมากับตัวเอง  

หากข้อมูลที่ได้มาผิดพลาดต้องขออภัย หากไม่ตรงกับกรอบคิดติดยึดของท่านก็ต้องขอให้ใช้เวลาพิสูจน์ความจริง ขณะเดียวกันหากมีประเด็นที่ผมไม่ทราบ หรือตกหล่นไป ก็โปรดได้แจ้งให้ผมรับทราบด้วย แต่ถ้าด้านการเมือง มีคนเห็นว่าเป็นการรังแกข้าราชการประจำ ผมก็เห็นด้วย แต่เรื่องการเมืองค่อนข้างจะซับซ้อน และเป็นไปเพื่อการเอาชนะคะคานกัน จึงขออนุญาตไม่กล่าวในที่นี้ครับ

วันนี้ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ถูกสั่งย้ายทางวาจาโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ , รมต.มหาดไทย ออกอากาศในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ว่าจะย้ายในทันที และให้ผู้ตรวจฯมารักษาการแทน (ถึงเวลาที่เขียนนี้ยังไม่มีหนังสือเป็นทางการออกมา แต่ผู้ว่าฯอดิศักดิ์ออกจากทุกกลุ่มไลน์ไปแล้ว)

ผมไม่ดูว่า กรอบคิดติดยึดของผู้ว่าฯ จะถูกผิดอย่างไร แต่ดูผลที่เกิดขึ้น เสียงสะท้อนในทางลบจากผู้จัดงานประเพณีมายาวนาน เสียงสะท้อนจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกหมู่เหล่า ไปในทางเดียวกันคือรับไม่ได้ กับการบริหารแบบนี้  แสดงว่ากรอบคิดนี้ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา ไม่เหมาะกับคน การประมาณการบริหารผิดพลาด

ท่านเคยพูดในที่ประชุมแห่งหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ผมอาจมีอันจะต้องไป แต่ผมจะกลับมา ทิ้งปมปริศนาไว้ให้คนทำงานได้วิเคราะห์ต่อว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต

ผู้ว่าฯสายฟ้าแลบที่ทำงานรวดเร็ว แก้ปัญหาชาวบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กับกรอบคิดติดยึดในการบริหารแบบพระเดชมากกว่าพระคุณ สร้างกำแพงให้คนทำงานมากกว่าสร้างสะพาน รวมศูนย์อำนาจมากกว่ากระจายอำนาจ ยึดตัวบทกฎหมายโดยไม่ยืดหยุ่น กลายเป็นผู้ว่าฯอุบลฯที่ถูกย้ายแบบสายฟ้าแลบกลางอากาศ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจเป็น บทเรียนให้ใครหลายคน หรืออาจเป็นข้ออ้างว่าเพราะการเมือง ก็แล้วแต่มุมคิด มุมความจริง มุมความเชื่อของแต่ละคนที่ไม่อาจเหมือนกัน

บันทึกไว้ ณ 08 สิงหาคม 2568 

สุชัย เจริญมุขยนันท

Related Post