อุบลราชธานี – เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 รายการ “อีสานขานข่าว” ได้จัดเสวนาเพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกำลังเผชิญระดับน้ำในแม่น้ำมูลที่สูงถึง 6.87 เมตร ณ เวลา 18.00 น. ห่างจากระดับตลิ่งที่วารินชำราบเพียง 13 เซนติเมตร โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมให้ข้อมูล ได้แก่ ว่าที่ร้อยตรีมนต์สง่า ลีลาศสง่างาม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี, นายวุฒิชัย ศรีทอง ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 7, นายสุรพงษ์ สารปะ ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง, และนายพงษ์เทพ บุญกล้า นักวิชาการอิสระด้านภูมิภาคลุ่มน้ำโขงศึกษา โดยมีนายสุชัย เจริญมุขยนันท เป็นผู้ดำเนินรายการ
พงษ์เทพ บุญกล้า: โครงสร้างพื้นฐานและความท้าทายของการจัดการน้ำ
นายพงษ์เทพ กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมในอุบลราชธานีว่า ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เขื่อนและฝายที่สร้างเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค ซึ่งส่งผลกระทบในช่วงที่มีมวลน้ำมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อเขื่อนหลายแห่งในลุ่มน้ำมูลและน้ำชีปล่อยน้ำพร้อมกัน ทำให้อุบลฯ ซึ่งเป็นปลายน้ำ กลายเป็น “คอขวด” รับมวลน้ำจำนวนมาก เขายกตัวอย่างน้ำท่วมใหญ่ในปี 2562 และ 2565 ที่กระทบทั้งที่อยู่อาศัย เกษตรกรรม และการคมนาคม พร้อมเสนอว่าการบริหารจัดการน้ำควรมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเขื่อนต่างๆ และสื่อสารข้อมูลให้ชุมชนเข้าใจง่าย เช่น ใช้คำอธิบายเชิงคุณภาพมากกว่าตัวเลขหรือกราฟที่ชาวบ้านอาจไม่เข้าใจ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังกังวลเรื่องการเยียวยาความเสียหายที่มักประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง และการที่ชุมชนริมน้ำส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทำให้การย้ายที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องยาก
มนต์สง่า ลีลาศสง่างาม: เตรียมพร้อมรับมือตามแผนป้องกันภัย
ว่าที่ร้อยตรีมนต์สง่า ระบุว่า จังหวัดอุบลราชธานีได้เตรียมความพร้อมตามแนวทางของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยบูรณาการทุกภาคส่วนและทำงานตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ซึ่งแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย มีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เพื่อติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงประสานงานกับกรมชลประทานและกรมอุตุนิยมวิทยา ปัจจุบันมีเครื่องจักรกลกว่า 1,600 รายการ และศูนย์พักพิงชั่วคราว 749 แห่ง พร้อมดูแลประชาชน โดยคาดการณ์ว่าระดับน้ำอาจถึง 112-112.5 เมตร (7-7.5 เมตรจากระดับฐาน) ภายใน 7 วัน ซึ่งจะกระทบ 17 ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบและเทศบาลนครอุบลราชธานี เช่น ชุมชนหาดสวนสุข คูยาง วัดวารินทราราม และวัดป่าแสนอุดม พร้อมออกประกาศเตือนฉบับที่ 2 ในวันรุ่งขึ้นเพื่อแจ้งชุมชนเพิ่มเติม
วุฒิชัย ศรีทอง: การบริหารน้ำและข้อจำกัดของเขื่อน
นายวุฒิชัย อธิบายว่า การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำมูลและน้ำชีต้องหาสมดุลระหว่างการเก็บน้ำเพื่อการเกษตรและการป้องกันน้ำท่วม โดยมีการพร่องน้ำตั้งแต่ก่อนฤดูฝน แต่ต้องรักษาระดับน้ำไม่ให้ต่ำเกินไปเพื่อไม่ให้กระทบประปาและการเกษตร เช่น เขื่อนยโสธรและเขื่อนธาตุน้อยที่มีระดับเก็บกัก 100% ที่ 116 เมตร และหัวกะโหลกประปาที่ 113.5 เมตร ซึ่งหากระบายน้ำมากเกินไปจะกระทบผู้ใช้น้ำด้านบน เขาคาดการณ์จากแบบจำลอง MIKE 11 ว่า ภายใน 7 วัน หากไม่มีพายุเพิ่ม ระดับน้ำที่สถานี M7 (อำเภอเมือง) จะสูงสุดที่ประมาณ 112.2 เมตร (7.2 เมตร) ซึ่งต่ำกว่าปี 2565 ที่สูงถึง 116.5 เมตร อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญคือแก่งสะพือ ซึ่งสูงกว่าระดับเมืองอุบลฯ 5-6 เมตร ทำให้การระบายน้ำช้า โดยกรมชลประทานกำลังศึกษาโครงการผันน้ำเลี่ยงแก่งสะพือ คาดว่าจะเริ่มปฐมนิเทศในต้นเดือนตุลาคม 2568 เพื่อรับฟังความเห็นประชาชน
สุรพงษ์ สารปะ: พยากรณ์อากาศและโอกาสเกิดพายุ
นายสุรพงษ์ ระบุว่า ปีนี้ฝนในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับปกติ โดยอุบลฯ มีปริมาณฝนใกล้เคียงค่าเฉลี่ย แต่ได้รับผลกระทบจากพายุทางอ้อม เช่น พายุวิภา คาจิกิ และซุปเปอร์ไต้ฝุ่นรัฐศาสตร์ ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปเวียดนามตอนบนและจีนตอนใต้ คาดว่าจะทำให้เกิดฝนในภาคอีสาน 10-20 มิลลิเมตรต่อวัน และบางพื้นที่อาจสูงถึง 40-50 มิลลิเมตรในช่วง 26-27 กันยายน แต่ไม่น่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ เนื่องจากฝนไม่ตกครอบคลุมกว้างและไม่แช่นานเหมือนปี 2565 ซึ่งได้รับผลจากพายุ 5 ลูกและร่องมรสุมต่อเนื่อง เขายังเตือนถึงโอกาสเกิดลานีญาในช่วงตุลาคม-ธันวาคม 2568 ด้วยโอกาส 50-70% ซึ่งอาจทำให้ฤดูฝนยาวถึงต้นพฤศจิกายน และเพิ่มความเสี่ยงน้ำท่วมในบางพื้นที่
ปีนี้น้ำจะท่วมใหญ่เท่าปี 2565 หรือไม่?
จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่ หากไม่มีพายุใหญ่เพิ่มเติมใน 7 วันข้างหน้า ระดับน้ำในแม่น้ำมูลที่อุบลราชธานีคาดว่าจะสูงสุดที่ 112.2-112.5 เมตร ซึ่งต่ำกว่าปี 2565 (116.5 เมตร) และปี 2562 อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาพายุและฝนในพื้นที่ต้นน้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเพิ่มมวลน้ำในแม่น้ำมูลและน้ำชี จังหวัดได้เตรียมพร้อมด้วยการแจ้งเตือน การตั้งศูนย์พักพิง และการพร่องน้ำ รวมถึงศึกษาโครงการผันน้ำเลี่ยงแก่งสะพือเพื่อลดผลกระทบในอนาคต ชุมชนริมน้ำควรติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องและเตรียมพร้อมยกของขึ้นที่สูงเพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้