- นายกานต์ กัลป์ตินันท์ ลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ. อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567
- เหตุผลการลาออกเนื่องจากข้อกำหนดการปฏิบัติงานส่งผลต่อการบริการสาธารณะ
- กกต. จะดำเนินการจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด
- คาดการณ์วันเลือกตั้งเบื้องต้น ประมาณวันที่ 22 ธันวาคม 2567
- การเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ. คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568
- กกต. ชี้แจงระเบียบการหาเสียงเพื่อความเป็นธรรมในการเลือกตั้ง
- มีรางวัลนำจับสำหรับผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตสูงสุด 1 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายกานต์ กัลป์ตินันท์ ได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้นายกานต์ชี้แจงว่า ข้อกำหนดในการปฏิบัติงานก่อนครบวาระอาจส่งผลกระทบต่อการบริการสาธารณะและการพัฒนาท้องถิ่น จึงตัดสินใจลาออกเพื่อให้การบริการประชาชนเป็นไปอย่างราบรื่น
นายประวิทย์ ก้อนทองดี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรอเอกสารอย่างเป็นทางการจากทางจังหวัดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งตามกฎหมายการเลือกตั้ง กรณีการลาออกก่อนครบวาระ จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน โดยคาดการณ์ว่าวันเลือกตั้งน่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ แต่ต้องรอความชัดเจนอีกครั้งจะประกาศให้ทราบ
สำหรับการรับสมัครผู้สมัครตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี จะเริ่มต้นหลังจากที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการให้มีการเลือกตั้ง ขั้นตอนและช่วงเวลาที่คาดว่าจะใช้ในการรับสมัคร ดังนี้:
- ขั้นตอนการประกาศรับสมัคร: จะมีการประกาศวันรับสมัครหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศกำหนดการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งการรับสมัครจะดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้จะทราบกำหนดการต่าง ๆ
- ระยะเวลาการรับสมัคร: โดยทั่วไปจะมีการเปิดรับสมัครเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งเป็นมาตรฐานในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น
- การเตรียมการล่วงหน้า: กกต. จะต้องพิจารณาและเตรียมการเพื่อให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามกำหนดเวลาและเป็นธรรม ทั้งนี้ต้องรอประกาศจากทางอบจ. ที่จะส่งเรื่องมายัง กกต. ก่อนเพื่อดำเนินการ
นอกจากนี้ การเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ. จะมีขึ้นภายใน 45 วันนับจากวันครบวาระ คือวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 รอกกต.ส่วนกลางกำหนด เนื่องจากต้องจัดพร้อมกันกับอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ
นายประวิทย์ยังกล่าวถึงข้อกำหนดในการหาเสียงก่อนครบวาระ 180 วัน ว่ามีการระบุให้ปฏิบัติภายใต้กฎหมายเพื่อความเท่าเทียมระหว่างผู้สมัครและผู้ดำรงตำแหน่ง รวมถึงข้อห้ามในการอนุมัติโครงการใหม่ภายใน 90 วันก่อนครบวาระ ยกเว้นในกรณีภัยพิบัติ เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากรในการหาเสียงโดยไม่เป็นธรรม
ต่อข้อถามว่า ทำอย่างไรการเลือกตั้งจึงจะมีความสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุบลราชธานี ได้กล่าวว่าต้องประกอบด้วยการมีส่วนร่วมของ 3 ฝ่ายหลักที่เกี่ยวข้องคือ
- ฝ่ายผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งถือเป็นกลุ่มหลักที่มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกผู้แทนเข้าสู่ตำแหน่ง นายประวิทย์เน้นย้ำว่าความซื่อสัตย์ของการเลือกตั้งนั้นต้องเริ่มจากประชาชนที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างมีจริยธรรม ไม่ยอมรับเงินหรือสิ่งของตอบแทนจากผู้สมัคร การมีความตระหนักรู้และความเข้าใจถึงผลกระทบจากการซื้อเสียงจะช่วยให้ประชาชนเลือกผู้แทนที่เหมาะสมและมีคุณธรรม - ฝ่ายผู้สมัครและนักการเมือง
นักการเมืองและผู้สมัครเป็นฝ่ายที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเลือกตั้ง โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด นายประวิทย์กล่าวถึงการห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐหรืองบประมาณแผ่นดินในการหาเสียง รวมถึงการให้สัญญาว่าจะให้สิ่งของหรือเงินตอบแทนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในระหว่างผู้สมัคร การปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์และไม่ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายจะเป็นการสร้างบรรยากาศของการเลือกตั้งที่โปร่งใสและเท่าเทียม - ฝ่ายสนับสนุนและหน่วยงานกำกับดูแล
หน่วยงานกำกับดูแล เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และองค์กรภาคประชาสังคม มีหน้าที่ในการเฝ้าระวังและตรวจสอบความถูกต้องของการเลือกตั้ง นายประวิทย์ระบุว่าการสนับสนุนจากภาคประชาชนและสื่อมวลชนเป็นสิ่งสำคัญในการเฝ้าระวังการทุจริต การรายงานข่าวหรือแจ้งเบาะแสการกระทำที่ผิดกฎหมายจะช่วยให้การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างสุจริต นอกจากนี้ กกต. ยังมีมาตรการส่งเสริมการแจ้งเบาะแส โดยมีรางวัลสำหรับผู้ที่แจ้งการทุจริตและมีหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมสูงสุดถึง 1 ล้านบาท พร้อมกับมาตรการคุ้มครองพยานเพื่อความปลอดภัยของผู้แจ้ง
การสร้างความซื่อสัตย์สุจริตในการเลือกตั้งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสามฝ่าย เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เป็นธรรมและโปร่งใสอย่างแท้จริง
ส่วนประเด็นที่ว่า ควรจะแก้ไขกฎหมาย ให้ผู้ที่ลาออกก่อนครบวาระ ควรต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ หรือไม่นั้น นายประวิทย์ ก้อนทองดี อธิบายว่า การลาออกจากตำแหน่งถือเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ดำรงตำแหน่งตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎหมายในลักษณะนี้ไม่ใช่สิ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถทำได้โดยตรง เนื่องจากกฎหมายต้องถูกเสนอต่อสภาเพื่อพิจารณาแก้ไข หากประชาชนมีความต้องการให้มีการแก้ไขกฎดังกล่าว ควรสื่อสารและเสนอเรื่องไปยังผู้แทนราษฎรในพื้นที่เพื่อดำเนินการต่อไปในสภาฯ
หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในลักษณะนี้ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการนิติบัญญัติที่ชัดเจน โดยการสนับสนุนจากภาคประชาชนและการเสนอโดยตัวแทนที่เกี่ยวข้อง
สุดท้าย นายประวิทย์ได้เน้นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากประชาชนในการป้องกันการทุจริต โดยมีรางวัลนำจับสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสการทุจริตที่มีมูลค่าสูงสุดถึง 1 ล้านบาท พร้อมทั้งมีมาตรการคุ้มครองพยานเพื่อความปลอดภัยของผู้แจ้ง