Customize Consent Preferences

UbonConnect (ต่อไปนี้จะเรียกว่า ‘ทีมงาน/เรา’) เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ https://www.ubonconnect.com รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ในเครือ บริษัทขอเรียนว่า บริษัทเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และตระหนักดีว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่ละท่านมีความสำคัญอย่างยิ่ง บริษัทจึงต้องการที่จะชี้แจงให้ทราบเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

ข่าวด่วน
Sat. Jul 12th, 2025

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เดินหน้าสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวารม์ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก เป็นพระประธานในพุทธมณฑลอุบลฯ ถวายในหลวง ร.10 ตั้งเป้าสร้างเสร็จใน 5 ปี เชิญพุทธศาสนิกชนที่มีแรงศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อสร้างพระไว้ในร่มพุทธศาสนาให้คงอยู่นับนานพันปี

วันที่ 15 ม.ค. 2567 เวลา 13.00 น. เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นองค์ประธานในการประชุมสามัญประจำปี 2567 ของคณะกรรมการมูลนิธิพุทธมณฑลอุบลราชธานี ณ ศาลาชินโสภณพาณิชย์ วัดยางน้อย ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับทราบถึงความก้าวหน้าของโครงการรวมทั้งร่วมกันเดินหน้าเพื่อการก่อสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่จะประดิษฐานอยู่ ณ พุทธมณฑลอุบลราชธานี โดยเป็นพระพุทธรูปประทับยืน ปางห้ามสมุทร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก กว้าง 42 ม.  สูงจากพระบาทถึงยอด 95 เมตร และสูงจากฐานถึงยอด 137 เมตร ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณการก่อสร้างราว  10,000 ล้านบาทเพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติ และทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษาในปี 2567  โดยวิธีการออกแบบจะเป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยโลหะระหว่างทองแดงและสแตนเลทที่จะมีความคงทนถาวรและมีอายุอยู่ได้ร่วมพันปี 

สมเด็จพระมหาธีราจารย์   เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างพุทธมณฑลเกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลไทยและคณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมแห่งประเทศไทยได้มีการพิจารณาเห็นชอบร่วมกันว่า ให้มีการจัดตั้งพุทธมณฑลขึ้นในประเทศไทยทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจทางธรรมะของประชาชน รวมทั้งใช้เป็นสถานที่ให้ประชาชนร่วมกันทำคุณงามความดี ประกอบกิจกรรมทั้งทางศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม รวมทั้งสามารถใช้เป็นที่ออกกำลังกายและเล่นกีฬาที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของท้องถิ่นและประเทศชาติ แต่เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนงบประมาณในการก่อสร้างทำให้หลายจังหวัดจึงไม่มีความคืบหน้าในโครงการ มีเพียงบางจังหวัดที่มีความพร้อมและความร่วมมือร่วมใจกันของประชาชนเท่านั้นที่สามารถก่อสร้างได้สำเร็จเช่นที่ จ.นครปฐม เป็นต้น ซึ่งพุทธมณฑลอุบลราชธานีก็เป็นอีกแห่งที่โครงการยังค้างอยู่และมีความคืบหน้าไม่มากเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความสำคัญ ดังนั้นทั้งฝ่ายคณะสงฆ์และฝ่ายบ้านเมืองจึงได้ร่วมกันดำเนินการเพื่อผลักดันมาโดยตลอด โดยได้จัดตั้งเป็นมูลนิธิพุทธมณฑลอุบลราชธานีขึ้น และมีมติให้อาตมาภาพเป็นประธานมูลนิธิฯ มีบุคคลสำคัญต่างๆใน จ.อุบลราชธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการ  นอกจากนั้นยังมีคณะกรรมการดำเนินงานซึ่งได้เลือกสรรกัน โดยดำเนินการมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ก็ยังไม่คืบหน้ามาก ดังนั้นอาตมาจึงพยายามเร่งรัด ขณะนี้มีความคืบหน้าไปในขั้นเลือกสถานที่ก่อสร้างคือ ใช้พื้นที่ริมถนนแจ้งสนิท บริเวณกิโลเมตรที่ 30 เส้นทางมุ่งหน้าไปทาง จ.ยโสธร นั่นคือ จุดที่ บ้านยางน้อย ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ในเนื้อที่ 2 แปลง รวมแล้วประมาณ 300 ไร่ 

“ ในช่วงแรกของโครงการฯ ที่ประชุมมีมติให้สร้างเป็นพุทธเจดีย์ที่มีความสวยงามตั้งภายในพุทธมณฑล แต้ด้วยมีเหตุปัจจัยขัดข้องบางประการจึงไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ต่อมาจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการก่อสร้างโดยเปลี่ยนจากการสร้างเจดีย์มาเป็นพระพุทธประติมาประจำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในช่วงที่พระองค์ยังทรงมีพระชนชีพอยู่แต่ไม่ทันพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ปัจจุบันจึงได้กำหนดให้มีการก่อสร้างพระพุทธประติมาประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อถวายพระพรแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในวโรกาสที่พระองค์ทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติ และทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในปี 2567 โดยขอพระราชทานนามว่า ‘พระพุทธมหาวชิราลงกรณ’ เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระพุทธประธานประจำพุทธมณฑลอุบลราชธานี แห่งนี้ต่อไป” สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าว

สมเด็จพระมหาธีราจารย์   กล่าวต่อไปว่า  เบื้องต้นได้ออกแบบพระประติมาเป็นองค์ต้นแบบมาแล้ว และกำลังพัฒนาขนาดให้มีความเหมาะสมพร้อมทั้งให้มีความมั่นคงถาวรให้อยู่ได้หลายร้อยหรือพันปี เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปประทับยืน การออกแบโครงสร้างจึงต้องเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงและสแตนเลส ซึ่งพระพุทธรูปลักษณะนี้มีการก่อสร้างขึ้นในประเทศไทยแล้วหนึ่งที่ จ.กาญจนบุรี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเป็นองค์อุปถัมป์ก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้ว แต่ที่จะสร้างขึ้นที่พุทธมณฑลอุบลราชธานี จะเป็นพระพุทธรูปที่มีใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีความกว้าง 42 เมตร สูงจากพระบาทไปจนถึงยอดพระเศียร 95 เมตร ซึ่งตรงกับพระสูติกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงพระประสูติกาลในปี พ.ศ.2595 และหากรวมจากฐานถึงยอดพระเศียรจะมีความสูงทั้งสิ้น 137 เมตร  จะถือเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอันดับ 1 อินเดีย 240 ม. และอันดับ 2 จีน 153 ม. ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าการก่อสร้างจะเป็นเกือบหนึ่งหมื่นล้าน 

“พระพุทธรูปนี้จะสูงกว่าเทพีเสรีภาพที่นิวยอร์ก ตอนนี้เราก็กำลังเปิดโอกาสให้กับพุทธศาสนิกชนที่มีแรงศรัทธาอยากสร้างพระพุทธรูปนี้ไว้ในร่มเงาพระพุทธศาสนาไปนานพันปี และมีกำลังทรัพย์ที่จะร่วมสร้างพระพุทธประติมาองค์นี้ประดิษฐานไว้ ณ พุทธมณฑลอุบลราชธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดวันจันทร์ วันพุธ หรือวันเสาร์ ซึ่งมีดวงเป็นมิตรกัน หรือจะเป็นผู้เกิดวันอื่นๆ ก็สามารถร่วมสร้างได้ เพื่อร่วมถวายเป็นราชสักการะแด่พระมหาบพิตรในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยท่านที่มีจิตศรัทธาอยากจะร่วมสร้างสามารถร่วมบริจาคได้ที่อาตมา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนต์วิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสมทบกันคนละเล็กละน้อยร่วมกัน และพระประติมาองค์นี้จะถือเป็นหัวใจหลักของโครงการพุทธมณฑลอุบลราชธานี โดยตั้งใจว่าจะให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับงบที่มีด้วย ซึ่งส่วนใหญ่งบที่สร้างน่าจะมาจากเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาเป็นหลักเพราะรัฐบาลไม่มีงบประมาณสนับสนุนให้”

“ต่อไปที่ตรงนี้จะเป็นจุดศูนย์กลางในการทำกิจกรรมที่ดีงามร่วมกัน มีที่จอดรถ มีที่จับจ่ายซื้อสินค้าพื้นเมือง มีห้องน้ำให้ประชาชน รวมทั้งมีสถานที่ชาร์ตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตามเนื่องจากปีนี้เป็นปีมหามงคลสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ 72 พรรษา ก่อนสร้างพระประติมาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อาตมาตั้งใจจะทำพระพุทธรูปประจำพระชนมวารองค์นี้แต่มีขนาดย่อม  เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติแด่องค์ท่าน เพื่อให้พระองค์ทรงพระราชทานพระประติมานี้ไปประดิษฐานไว้ ณ จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ให้เป็นสัญลักษณ์ของพุทธมณฑลอุบลราชธานี และเป็นพระพุทธประจำพระชนมวารของพระองค์เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของประชานทุกจังหวัด พร้อมทั้งจะมอบให้กับกระทรวงต่างๆ ทุกกระทรวงเพื่อนำไปสักการะบูชา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณสร้างพระพุทธประติมาองค์จำลองนี้องค์ละประมาณ 50,000 บาท ซึ่งประชาชนที่อยากร่วมสร้างก็ร่วมบริจาคได้เช่นเดียวกัน” สมเด็จพระมหาธีราจารย์   กล่าว

ศิริลักษณ์ สอนอาจ - ข่าว

Related Post