ข่าวด่วน
Fri. Jun 27th, 2025
เกษตรอินทรีย์

หลายหน่วยงานเห็นพ้อง ร่วมกันผลักดัน สถาบันเกษตรอินทรีย์ ONE STOP SERVICE ในการเสวนา อุบลราชธานีกับเกษตรอินทรีย์ในอนาคต

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00-11.30 น.ณ ห้องประชุมคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มูลนิธิสื่อสร้างสุขอุบลราชธานี ได้จัดเวทีเสวนาหัวข้อ “อุบลราชธานีกับเกษตรอินทรีย์ในอนาคต”โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย

1.ดร.นรินทร บุญพราหมณ์ คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

2.ผศ.ดร.อุทัย อันพิมพ์ คณบดีคณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

3.ดร.ศิริพร จันทนสกุลวงศ์  คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

4.นางสาวพรรณี เสมอภาค คณะทำงานจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์จังหวัดอุบลราชธานี/ ที่ปรึกษาโครงการกินสบายใจ

5.นางปารีณา อินทร์เพชร หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี

6.นายสามัคคี นิคมรักษ์ ตัวแทนเกษตรอินทรีย์ ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์พีจีเอสศรีไคออแกนิค

ดำเนินรายการโดย นายนพภา พันธุ์เพ็ง ประธานกรรมการมูลนิธิสื่อสร้างสุข

นางสาวพรรณี เสมอภาค คณะทำงานจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์จังหวัดอุบลราชธานี/ ที่ปรึกษาโครงการกินสบายใจ ได้เล่าถึงความเป็นมาของโครงการจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์จังหวัดอุบลราชธานี ว่าริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2556 ตามโครงการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรด้านเกษตรอินทรีย์เพื่อความมั่นคงทางอาหาร และการปรับตัวรับสภาพการเปลี่ยนแปลงอากาศ โดยได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปเพื่อหนุนเกษตรอินทรีย์ครบวงจรโดยมีหลักสูตรคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เข้ามาหนุนเสริมตั้งแต่ต้น เพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนทางอาหาร จึงมีแนวคิดที่จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสนำมาสู่การ ผลักดันเข้าสู่แผนพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานีปี 2566-2570 โดยได้แม่บทมาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ซึ่งเป็นเป็นผู้ริเริ่มแห่งแรก

นายสามัคคี นิคมรักษ์ ตัวแทนเกษตรอินทรีย์ ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์พีจีเอสศรีไคออแกนิค ระบุว่าปัจจัยพื้นฐานที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คือ พันธุ์ดี ปัจจัยการผลิตดี การจัดการดี เครือข่าย แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรอินทรีย์ยังขาดปัจจัยข้างต้นมากโดยเฉพาะพันธุ์ดี เพราะส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือนายทุน ส่งผลให้การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ที่ร่วมโครงการยังทุลักทุเลยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นหลัก ยังไม่ได้รับการส่งเสริมในลักษณะชุมชนเท่าที่ควร อีกทั้งรัฐต้องยื่นมือเร่งสร้างเคริอข่ายสร้างองค์ความรู้โดยเน้นย้ำไปที่กระทรวงเกษตร และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีรวมถึงงบประมาณเพื่อต่อยอดด้วย ที่ผ่านมาผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับผลผลิตเกษตรอินทรีย์น้อยมาก และไม่เห็นความแตกต่างระหว่างผลผลิตเกษตรอินทรีย์กับผลผลิตทั่วไป

ด้านดร.นรินทร บุญพราหมณ์ คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ยืนยันว่าคณะเกษตรศาสตร์ ตระหนักถึงความสำคัญความมั่นคงทางอาหารเริ่มจากงานวิจัยเกษตรอินทรีย์ที่บวกผสมผสานกับเกษตรประณีตนำมาสู่อาหารปลอดภัย ควบคู่กับกระบวนการห้องแล็ปตรวจสอบคุณภาพอาหาร พร้อมกับการสร้างกลุ่มรองรับมาตรฐานสากลเป็นห่วงโซ่สู่ระบบสาธารณสุขสุขภาพ ควบคู่กับการการถ่ายทอดเทคโนโลยีองค์ความรู้สู่ชุมชน ทั้งนี้มีงานวิจัยสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ปี 2562-2563 จำนวน5 โครงการบรรจุเข้าแผนยุทธศาสตร์จังหวัดแล้ว

ในส่วน ผศ.ดร.อุทัย อันพิมพ์ คณบดีคณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่าการบริหารจัดการเกษตรกรต้องได้รับการยกระดับความรู้สู่การบริหารจัดการที่ดี ต้องเป็นนักวางแผน ทั้งกระบวนการผลิต การตลาดควบคู่ไปด้วยทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะเกิดความยั่งยืน ส่วนเงินลงทุนดร.อุทัยตั้งข้อสังเกตว่าเกษตรกรยังขาดโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ นั่นหมายถึงทางรอดจากต้นทุนการผลิต

ดร.ศิริพร จันทนสกุลวงศ์  คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ระบุระบบรัฐศาสตร์เชื่อมโยงกับกระบวนการทั้งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็ง สร้างเครือข่าย ซึ่งเหล่านี้ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์งานรัฐศาสตร์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนด้วย รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศพร้อมยกตัวอย่างที่คณะฯได้ทำงานระบบความมั่นคงทางอาหารกับประเทศส.ป.ป.ลาวด้วย

ด้านนางปารีณา อินทร์เพชร หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า การส่งเสริมความพร้อมเป็นพันธกิจของกระทรวงอยู่แล้ว สำหรับพื้นที่มีเกษตรตำบลเป็นตัวเชื่อม ส่วนทิศทางการไปสู่เกษตรอินทรีย์ นางปารีณามองว่าเป็นเรื่องท้าทาย ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนทัศนคติจากระบบการผลิตแบบเดิมมาสู่ระบบเกษตรอินทรีย์โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยกลุ่มผู้สูงอายุที่มองว่าเกษตรอินทรีย์ยุ่งยาก ตนจึงอยากจึงเห็นการสร้างแรงจูงใจเช่นราคาผลผลิตที่แตกต่าง มาสู่เกษตรแปรรูปให้มีรายได้3 เท่าในระยะเวลา 4 ปี

ในตอนหนึ่งผศ.ดร.อุทัย อันพิมพ์ ให้ความเห็นว่าสร้างสถาบันให้สังคมยอมรับเป็นโจทย์ที่ท้าทาย เพราะความเชื่อมั่นการค้าการสร้างแบรนด์ต้องเกิดพร้อมศรัทธา พร้อมยกตัวอย่างชุมชนอโศก ที่ไม่ต้องมีใบรับรองใดๆแต่สังคมเชื่อมั่นการันตีความปลอดภัยของสินค้า

ส่วนประเด็นการเรียกร้องให้มีหนังสือรับรอง ดร.นรินทร บุญพราหมณ์ กล่าว่าว่ามีกระบวนการขั้นตอน มีการควบคุมกระบวนการผลิตรับรองแปลงมาตรฐานสูง เบื้องต้นมหาวิทยาลัยต้องทำงานควบคู่กับกระทรวงเกษตร ทั้งยอมรับว่ามีค่าใช้จ่ายสูงแต่ขณะนี้เรายังขาดงบประมาณมาส่งเสริม พร้อมแย้มช่องว่าปัจจุบันทุกมหาวิทยาลัยจะมีงบฯการขับเคลื่อนงานวิจัยไปสู่การพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ของกระทรวง หากการจัดตั้งศูนย์หรือสถาบันเป็นรูปธรรมก็อาจใช้ช่องทางนี้สนับสนุนงบประมาณอีกทางหนึ่งได้

สำหรับประเด็นกระบวนการสร้างสถาบันสู่ความยั่งยืนผู้ร่วมเสวนาให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า  ต้องได้แกนนำที่แข็งแกร่ง ต้องกัดไม่ปล่อย แล้วหาเครือข่ายสนับสนุนโดยมุ่งเป้าไปที่ ม.อุบลฯและหน่วยงานการเกษตรหนุนเสริมทั้งเชิงวิชาการเทคโนโลยีและให้คำปรึกษาเสมือนมีพี่เลี้ยง หน่วยงานรัฐต้องทำงานแบบบูรณาการให้เข้มข้นและเพิ่มงานประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น และในครั้งนี้คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวไว้น่าสนใจว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงคุณค่าและคุณภาพอาหารอินทรีย์ที่ส่งผลต่อสุขภาพเพื่อให้ตระหนักว่ายอมจ่ายอาหารปลอดภัยวันนี้ดีกว่าต้องมาจ่ายค่ายาค่าหมอในภายหลัง

Related Post