เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ได้มีการจัดเสวนา “Ginsabaijai Sustainable Talk” ในหัวข้อ “เกษตรอินทรีย์ รอดไม่รอดเมื่อโลกเดือด” ณ ตลาดกินสบายใจ ห้างสุนีย์ โดยองค์กรผู้จัดคือ มูลนิธิสื่อสร้างสุข ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลกินสบายใจ ห่างไกลโรค ปี 11 “ซื้อเราSAVEโลก” มีการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรอินทรีย์มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความคิดเห็นในการใช้เกษตรอินทรีย์เป็นทางออกจากวิกฤตโลกร้อน
นายหนูจร พุดผา เจ้าของสวนผลไม้อินทรีย์ “กำนันบ้านนอก” เริ่มต้นด้วยการแบ่งปันประสบการณ์จากสวนของเขาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะโลกร้อนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ผ่านมา ผลผลิตทุเรียนของเขาลดลงถึง 58% เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้ทุเรียนร่วงก่อนเวลา นอกจากนี้ ใบไม้ยังถูกแดดเผาจนไหม้เป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อรายได้ของครอบครัวอย่างมาก นายหนูจรได้เน้นถึงความสำคัญของการปลูกพืชหลากหลายชนิดในสวน ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มะไฟ หรือผักสวนครัวต่างๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และยังสามารถรักษาความมั่นคงทางอาหารได้ แม้ว่าโลกร้อนจะทำให้ผลผลิตบางอย่างลดลงไปก็ตาม
นางสาวประภาพร สีบัว เจ้าของไร่บุญอุ้มบุญอ้นฟาร์ม ได้กล่าวถึงการปลูกพืชผักอินทรีย์ที่ฟาร์มของเธอ โดยเธอได้เลือกปลูกพืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศและสอดคล้องกับฤดูกาล ซึ่งช่วยให้ฟาร์มยังคงดำเนินไปได้แม้ว่าโลกร้อนจะส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชบางชนิด เธอกล่าวว่า การปลูกพืชผักที่หลากหลายและการวางแผนการปลูกพืชตามฤดูกาลทำให้ฟาร์มของเธอได้รับผลกระทบน้อยลง นอกจากนี้ เธอยังได้ทดลองปลูกกาแฟอินทรีย์เป็นอีกหนึ่งพืชที่ช่วยเสริมรายได้และลดความเสี่ยงจากการปลูกพืชเพียงชนิดเดียว
นางสาวพรรณี เสมอภาค จากทีมวิชาการโครงการกินสบายใจ ได้กล่าวถึงข้อมูลการวิจัยที่ชี้ว่า จังหวัดอุบลราชธานีเป็นหนึ่งใน 9 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจนเกิดปรากฏการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชในพื้นที่เป็นอย่างมาก นางสาวพรรณีเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวด้วยการใช้เกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะการปลูกพืชใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่เพื่อป้องกันความร้อนจากแดด และการสร้างระบบนิเวศที่หลากหลายภายในสวนเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ดร.กฤตยา อุทโธ เจ้าของร้านกินดีช็อป และนักวิชาการด้านเกษตรอินทรีย์ ได้แชร์มุมมองเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการเชื่อมโยงผลผลิตจากเกษตรกรสู่ร้านอาหาร กล่าวว่าการวางแผนการปลูกพืชให้สอดคล้องกับฤดูกาลและการปลูกพืชหลายชนิดในฟาร์มเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ฟาร์มสามารถรับมือกับความท้าทายจากโลกร้อนได้ นอกจากนี้ ดร.กฤตยายังได้แนะนำให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีและข้อมูลทางวิชาการในการจัดการฟาร์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน
เสวนาครั้งนี้ทำให้เห็นว่าเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่เป็นวิธีการปลูกพืชที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นทางออกที่สำคัญในการรับมือกับวิกฤตการณ์โลกร้อนที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเกษตรทั่วโลก



