รายการเตือนภัยไซเบอร์ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ได้พูดคุยกับนักธุรกิจ กิจจา เตชะศิริธนะกุล เผย 3 กลโกงจากประสบการณ์จริง นายกิจจาได้แบ่งปันเรื่องราวการหลอกลวงที่เคยเกิดขึ้น 3 รูปแบบ ดังนี้
เรื่องที่ 1: แก๊งลงทุน “เทรดเฟอร์นิเจอร์และทองคำ“
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณกิจจาโดยตรงเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว
- วิธีการของมิจฉาชีพ:
- สแกมเมอร์โทรศัพท์เข้ามายังเบอร์ส่วนตัว โดยรู้ข้อมูลทางธุรกิจอย่างแม่นยำว่าทำธุรกิจอะไร ที่ไหน
- อ้างว่าเป็นการเชิญชวนร่วมลงทุน โดยให้ทำการ “เทรดเฟอร์นิเจอร์และทองคำ”
- มิจฉาชีพขอให้สแกนเอกสารสำคัญ ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัญชีเงินฝาก แล้วส่งให้ทางแอปพลิเคชัน LINE
- อ้างว่าสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร
- เสนอผลตอบแทนที่สูงมาก คือ “50% ของกำไรสุทธิ” ภายในระยะเวลาสั้นๆ เช่น 1-2 เดือน
- จุดที่ทำให้เอะใจ:
- กิจจาสงสัยว่ามิจฉาชีพได้ “เบอร์ส่วนตัว“ ของเขามาได้อย่างไร ทั้งที่ปกติการติดต่อธุรกิจต้องใช้เบอร์ที่ร้าน
- ความห่างไกลของพื้นที่ (กรุงเทพฯ กับ อุบลราชธานี) ทำให้การทำธุรกิจดูผิดปกติ
- การขอเอกสารสำคัญทาง LINE แทนที่จะให้ไปส่งที่หน่วยงาน
- ผลตอบแทนที่สูงถึง 50% ในเวลาอันสั้น เป็นการทำธุรกิจที่ “เสี่ยงมาก”
- การรับมือ:
- บอกปัดไปอย่างสุภาพว่า “ขอพิจารณาประมาณ 1 สัปดาห์”
- หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ มิจฉาชีพติดต่อกลับมาอีก แต่มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใน LINE เป็นรูปหญิงสาวสวยที่สร้างจาก AI
- นายกิจจาจึงเลือกที่จะไม่สนใจ ไม่ตอบ และปฏิเสธไปทุกครั้ง
เรื่องที่ 2: มุกคลาสสิก “เพื่อนเก่า” โทรยืมเงิน
กรณีที่สองนี้ก็เกิดขึ้นกับนายกิจจาเช่นกัน
- วิธีการของมิจฉาชีพ:
- โทรมาอ้างว่าเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันนานมาก
- มิจฉาชีพไม่ได้บอกชื่อตัวเอง แต่ใช้วิธีให้คุณกิจจา “ไล่ชื่อเพื่อน” ไปเรื่อยๆ (ราว 40-50 ชื่อ) จนกระทั่งไปตรงกับชื่อเพื่อนคนหนึ่ง มิจฉาชีพจึงสวมรอยทันที
- อ้างว่าตอนนี้ทำงานที่กรุงเทพฯ และจะแวะมาเยี่ยมที่อุบลราชธานี
- หนึ่งสัปดาห์ต่อมา โทรกลับมาอีกครั้ง อ้างว่ากำลังอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า และต้องการเงินด่วนเพื่อ “จ่ายค่านมลูก” โดยขอให้โอนเงินให้ก่อน
- การรับมือและตรวจสอบ:
- นายกิจจาเริ่มเอะใจ จึงขอ “ชื่อจริงและนามสกุล” ของเพื่อนคนนั้น
- หลังจากได้ชื่อมา เขาได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับ “หัวหน้าห้อง” สมัยเด็ก
- หัวหน้าห้องยืนยันว่า “ไม่มีชื่อนี้“ อยู่ในห้อง
- เมื่อมิจฉาชีพโทรกลับมาอีกครั้ง กิจจาจึงไม่รับสายอีกต่อไป
เรื่องที่ 3: “หลอกให้รัก–แบล็คเมล์” (Sextortion)
กรณีนี้เป็นเรื่องราวของคนรอบข้างที่คุณกิจจานำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์
- วิธีการของมิจฉาชีพ:
- เริ่มต้นจาก LINE โดยมิจฉาชีพใช้โปรไฟล์เป็นหญิงสาวสวย ทักทายผู้ชายที่มีรายได้ต่ำ
- สร้างสัมพันธ์ชู้สาว (ชวนคุยเชิงสัมพันธ์ชู้สาว) พูดคุยกันนานหลายเดือนจนเหยื่อหลงเชื่อ
- เมื่อเหยื่อหลงรัก มิจฉาชีพจะชวนให้ “มีเพศสัมพันธ์ผ่านทางโทรศัพท์” (Video Call)
- ขณะที่เหยื่อกำลัง “สไลด์หนอน” มิจฉาชีพจะแอบ “อัดคลิป” ไว้
- จากนั้นจึงใช้คลิปดังกล่าวมาข่มขู่ แบล็คเมล์ เพื่อเรียกเงิน
- ความเสียหาย:
- เพื่อนของคุณกิจจาถูกเรียกเงินครั้งละ 70,000 บาท โอนไป 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 140,000 บาท
- สุดท้ายเหยื่อตัดสินใจ “หักดิบ” โดยบอกมิจฉาชีพไปว่า “จะแบล็คเมล์ก็แบล็คเมล์ไป” และไม่ยอมโอนเงินอีก
- หลังจากนั้น มิจฉาชีพก็หายไปและไม่ได้มารังควานอีก
แนวทางป้องกันตัวจากสแกมเมอร์
นายกิจจาได้เน้นย้ำถึงสาเหตุที่คนหลงเชื่อว่ามาจาก “ความโลภ” ที่อยากได้กำไรสูงในเวลาอันสั้น และได้เสนอทางป้องกันที่สำคัญที่สุดคือ “สติ“ และ “วิจารณญาณ“
“ไม่ว่าจะท่านจะได้รับข้อมูลอย่างไร… ขอให้ท่านใช้วิจารณญาณในการตรวจสอบทุกครั้งนะครับ อย่าหลงเชื่อครับ ใช้สติพิจารณาในการตัดสินใจนะครับในทุกๆ เรื่องครับ”
นอกจากนี้ คุณกิจจายังได้เสนอวิธีตรวจสอบที่น่าสนใจสำหรับกรณีที่มีคนโทรมาโดยเราไม่รู้จักเบอร์ ดังนี้:
- ขอชื่อและนามสกุลจริง: เบื้องต้นให้ขอชื่อ-นามสกุลที่ถูกต้องของผู้ที่โทรมา
- ตรวจสอบผ่านผู้ให้บริการมือถือ: คุณกิจจาแนะนำวิธีที่น่าสนใจคือ ให้ลองไปที่ศูนย์บริการมือถือ (เช่น True, Dtac, AIS)
- ลองจ่ายบิลให้เบอร์นั้น: บอกพนักงานว่าต้องการจ่ายค่าโทรศัพท์ให้เบอร์ดังกล่าว สัก 5 หรือ 10 บาท
- ตรวจสอบใบเสร็จ: ใบเสร็จที่ออกมา จะปรากฏ “ชื่อ นามสกุล และที่อยู่ที่แท้จริง” ของเจ้าของเบอร์ ซึ่งหากเป็นมิจฉาชีพ ข้อมูลในใบเสร็จจะไม่ตรงกับที่แอบอ้างไว้อย่างแน่นอน
กิจจาทิ้งท้ายว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ มิจฉาชีพเหล่านี้สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้อย่างถูกต้องแม่นยำมาก ทั้งชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ หรือแม้แต่ ID LINE ซึ่งเขาตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลเหล่านี้อาจถูกแฮกมาจากแอปพลิเคชันต่างๆ

