ข่าวด่วน
Sat. Nov 15th, 2025
หลอกเทรดหุ้น

รายการเตือนภัยไซเบอร์  วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ได้พูดคุยกับนักธุรกิจ กิจจา เตชะศิริธนะกุล เผย 3 กลโกงจากประสบการณ์จริง นายกิจจาได้แบ่งปันเรื่องราวการหลอกลวงที่เคยเกิดขึ้น 3 รูปแบบ ดังนี้

เรื่องที่ 1: แก๊งลงทุนเทรดเฟอร์นิเจอร์และทองคำ

นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณกิจจาโดยตรงเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว

  • วิธีการของมิจฉาชีพ:
    • สแกมเมอร์โทรศัพท์เข้ามายังเบอร์ส่วนตัว โดยรู้ข้อมูลทางธุรกิจอย่างแม่นยำว่าทำธุรกิจอะไร ที่ไหน 
    • อ้างว่าเป็นการเชิญชวนร่วมลงทุน โดยให้ทำการ “เทรดเฟอร์นิเจอร์และทองคำ” 
    • มิจฉาชีพขอให้สแกนเอกสารสำคัญ ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัญชีเงินฝาก แล้วส่งให้ทางแอปพลิเคชัน LINE 
    • อ้างว่าสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร 
    • เสนอผลตอบแทนที่สูงมาก คือ “50% ของกำไรสุทธิ” ภายในระยะเวลาสั้นๆ เช่น 1-2 เดือน 
  • จุดที่ทำให้เอะใจ:
    • กิจจาสงสัยว่ามิจฉาชีพได้ เบอร์ส่วนตัว ของเขามาได้อย่างไร ทั้งที่ปกติการติดต่อธุรกิจต้องใช้เบอร์ที่ร้าน 
    • ความห่างไกลของพื้นที่ (กรุงเทพฯ กับ อุบลราชธานี) ทำให้การทำธุรกิจดูผิดปกติ 
    • การขอเอกสารสำคัญทาง LINE แทนที่จะให้ไปส่งที่หน่วยงาน 
    • ผลตอบแทนที่สูงถึง 50% ในเวลาอันสั้น เป็นการทำธุรกิจที่ “เสี่ยงมาก” 
  • การรับมือ:
    • บอกปัดไปอย่างสุภาพว่า “ขอพิจารณาประมาณ 1 สัปดาห์” 
    • หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ มิจฉาชีพติดต่อกลับมาอีก แต่มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใน LINE เป็นรูปหญิงสาวสวยที่สร้างจาก AI 
    • นายกิจจาจึงเลือกที่จะไม่สนใจ ไม่ตอบ และปฏิเสธไปทุกครั้ง 

เรื่องที่ 2: มุกคลาสสิกเพื่อนเก่าโทรยืมเงิน

กรณีที่สองนี้ก็เกิดขึ้นกับนายกิจจาเช่นกัน

  • วิธีการของมิจฉาชีพ:
    • โทรมาอ้างว่าเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันนานมาก 
    • มิจฉาชีพไม่ได้บอกชื่อตัวเอง แต่ใช้วิธีให้คุณกิจจา “ไล่ชื่อเพื่อน” ไปเรื่อยๆ (ราว 40-50 ชื่อ) จนกระทั่งไปตรงกับชื่อเพื่อนคนหนึ่ง มิจฉาชีพจึงสวมรอยทันที 
    • อ้างว่าตอนนี้ทำงานที่กรุงเทพฯ และจะแวะมาเยี่ยมที่อุบลราชธานี 
    • หนึ่งสัปดาห์ต่อมา โทรกลับมาอีกครั้ง อ้างว่ากำลังอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า และต้องการเงินด่วนเพื่อ “จ่ายค่านมลูก” โดยขอให้โอนเงินให้ก่อน 
  • การรับมือและตรวจสอบ:
    • นายกิจจาเริ่มเอะใจ จึงขอ “ชื่อจริงและนามสกุล” ของเพื่อนคนนั้น 
    • หลังจากได้ชื่อมา เขาได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับ “หัวหน้าห้อง” สมัยเด็ก 
    • หัวหน้าห้องยืนยันว่า ไม่มีชื่อนี้ อยู่ในห้อง 
    • เมื่อมิจฉาชีพโทรกลับมาอีกครั้ง กิจจาจึงไม่รับสายอีกต่อไป

เรื่องที่ 3: “หลอกให้รักแบล็คเมล์” (Sextortion)

กรณีนี้เป็นเรื่องราวของคนรอบข้างที่คุณกิจจานำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์

  • วิธีการของมิจฉาชีพ:
    • เริ่มต้นจาก LINE โดยมิจฉาชีพใช้โปรไฟล์เป็นหญิงสาวสวย ทักทายผู้ชายที่มีรายได้ต่ำ 
    • สร้างสัมพันธ์ชู้สาว (ชวนคุยเชิงสัมพันธ์ชู้สาว) พูดคุยกันนานหลายเดือนจนเหยื่อหลงเชื่อ 
    • เมื่อเหยื่อหลงรัก มิจฉาชีพจะชวนให้ “มีเพศสัมพันธ์ผ่านทางโทรศัพท์” (Video Call) 
    • ขณะที่เหยื่อกำลัง “สไลด์หนอน” มิจฉาชีพจะแอบ “อัดคลิป” ไว้ 
    • จากนั้นจึงใช้คลิปดังกล่าวมาข่มขู่ แบล็คเมล์ เพื่อเรียกเงิน 
  • ความเสียหาย:
    • เพื่อนของคุณกิจจาถูกเรียกเงินครั้งละ 70,000 บาท โอนไป 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 140,000 บาท 
    • สุดท้ายเหยื่อตัดสินใจ “หักดิบ” โดยบอกมิจฉาชีพไปว่า “จะแบล็คเมล์ก็แบล็คเมล์ไป” และไม่ยอมโอนเงินอีก 
    • หลังจากนั้น มิจฉาชีพก็หายไปและไม่ได้มารังควานอีก 

แนวทางป้องกันตัวจากสแกมเมอร์

นายกิจจาได้เน้นย้ำถึงสาเหตุที่คนหลงเชื่อว่ามาจาก “ความโลภ” ที่อยากได้กำไรสูงในเวลาอันสั้น และได้เสนอทางป้องกันที่สำคัญที่สุดคือ สติ และ วิจารณญาณ

“ไม่ว่าจะท่านจะได้รับข้อมูลอย่างไร… ขอให้ท่านใช้วิจารณญาณในการตรวจสอบทุกครั้งนะครับ อย่าหลงเชื่อครับ ใช้สติพิจารณาในการตัดสินใจนะครับในทุกๆ เรื่องครับ”

นอกจากนี้ คุณกิจจายังได้เสนอวิธีตรวจสอบที่น่าสนใจสำหรับกรณีที่มีคนโทรมาโดยเราไม่รู้จักเบอร์ ดังนี้:

  1. ขอชื่อและนามสกุลจริง: เบื้องต้นให้ขอชื่อ-นามสกุลที่ถูกต้องของผู้ที่โทรมา 
  2. ตรวจสอบผ่านผู้ให้บริการมือถือ: คุณกิจจาแนะนำวิธีที่น่าสนใจคือ ให้ลองไปที่ศูนย์บริการมือถือ (เช่น True, Dtac, AIS) 
  3. ลองจ่ายบิลให้เบอร์นั้น: บอกพนักงานว่าต้องการจ่ายค่าโทรศัพท์ให้เบอร์ดังกล่าว สัก 5 หรือ 10 บาท 
  4. ตรวจสอบใบเสร็จ: ใบเสร็จที่ออกมา จะปรากฏ “ชื่อ นามสกุล และที่อยู่ที่แท้จริง” ของเจ้าของเบอร์ ซึ่งหากเป็นมิจฉาชีพ ข้อมูลในใบเสร็จจะไม่ตรงกับที่แอบอ้างไว้อย่างแน่นอน 

กิจจาทิ้งท้ายว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ มิจฉาชีพเหล่านี้สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้อย่างถูกต้องแม่นยำมาก ทั้งชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ หรือแม้แต่ ID LINE ซึ่งเขาตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลเหล่านี้อาจถูกแฮกมาจากแอปพลิเคชันต่างๆ

Related Post